ปลูกกระดูกสำหรับรากฟันเทียม: สิ่งที่ควรรู้และค่าใช้จ่าย

Petcharadentalclinic • February 11, 2025

ปลูกกระดูกสำหรับรากฟันเทียม: สิ่งที่ควรรู้และค่าใช้จ่าย


การ ปลูกกระดูกเพื่อรากฟันเทียม เป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยเสริมความแข็งแรงของกระดูกขากรรไกรให้เหมาะสมกับการฝังรากฟันเทียม โดยเฉพาะผู้ที่มีปริมาณกระดูกไม่เพียงพอเนื่องจากการสูญเสียฟันเป็นเวลานานหรือกระดูกขากรรไกรยุบตัว การปลูกกระดูกจะช่วยให้รากฟันเทียมมีความมั่นคงและทนทาน


ปลูกกระดูกสำหรับรากฟันเทียม: สิ่งที่ควรรู้และค่าใช้จ่าย



การปลูกกระดูกเพื่อรากฟันเทียมคืออะไร?

การปลูกกระดูก (Bone Grafting) คือการเติมกระดูกในขากรรไกรบริเวณที่ต้องการฝังรากฟันเทียม โดยใช้วัสดุกระดูกที่ได้จากแหล่งต่าง ๆ เช่น กระดูกจากร่างกายของผู้ป่วยเอง กระดูกจากผู้บริจาค หรือวัสดุกระดูกสังเคราะห์ เพื่อเสริมสร้างฐานที่แข็งแรงให้รากฟันเทียมสามารถยึดติดได้มั่นคง


กระบวนการปลูกกระดูกสำหรับรากฟันเทียม

  • การประเมินและวางแผน
    ทันตแพทย์จะทำการตรวจสภาพกระดูกขากรรไกรโดยใช้ X-ray หรือ CT scan เพื่อประเมินว่าต้องการการปลูกกระดูกหรือไม่
  • การปลูกกระดูก
    วัสดุกระดูกจะถูกฝังลงในขากรรไกรบริเวณที่มีปริมาณกระดูกไม่เพียงพอ จากนั้นรอให้กระดูกยึดติดเพื่อสร้างโครงสร้างที่แข็งแรง
  • ระยะเวลาการฟื้นตัว
    การฟื้นตัวหลังการปลูกกระดูกใช้เวลา 4-6 เดือน เพื่อให้กระดูกขากรรไกรยึดติดและแข็งแรงพอสำหรับการฝังรากฟันเทียม


ประเภทของวัสดุกระดูกที่ใช้ในการปลูกกระดูก

  • กระดูกจากร่างกายของผู้ป่วยเอง (Autograft): มีโอกาสยึดติดได้ดีและปลอดภัย
  • กระดูกจากแหล่งธรรมชาติ (Allograft): มักใช้กระดูกจากผู้บริจาค
  • วัสดุกระดูกสังเคราะห์ (Synthetic Graft): วัสดุเลียนแบบโครงสร้างกระดูก ช่วยให้กระดูกขากรรไกรยึดติดได้ดี


ข้อดีของการปลูกกระดูกก่อนการทำรากฟันเทียม

  • เสริมความแข็งแรงของกระดูกขากรรไกร ทำให้รากฟันเทียมมีฐานที่มั่นคงและใช้งานได้นาน
  • เพิ่มโอกาสความสำเร็จในการฝังรากฟันเทียม การปลูกกระดูกช่วยให้รากฟันเทียมยึดติดได้แน่นหนาและคงทน


ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นหลังการปลูกกระดูก

  • การติดเชื้อ: หากไม่ได้รับการดูแลช่องปากอย่างเหมาะสมอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
  • อาการบวมและเจ็บ: อาจมีอาการระบมเล็กน้อยหลังการปลูกกระดูก ซึ่งจะหายไปเมื่อฟื้นตัว


ค่าใช้จ่ายในการปลูกกระดูก

ค่าใช้จ่ายในการปลูกกระดูกจะแตกต่างกันไปตามปัจจัยต่าง ๆ เช่น ปริมาณกระดูกที่ต้องการเสริม วัสดุที่ใช้ และสถานพยาบาล โดยทั่วไปค่าใช้จ่ายจะประกอบด้วย:

  • การถ่ายภาพ X-ray: เพื่อประเมินสภาพกระดูก
  • ค่าปลูกกระดูก: อยู่ระหว่าง 15,000-25,000 บาท
  • ค่าวัสดุกระดูกและเนื้อเยื่อเมมเบรน
  • ค่ายาปฏิชีวนะและยาแก้ปวดหลังการผ่าตัด
  • ปัจจัยที่ส่งผลต่อค่าใช้จ่าย
  • วัสดุที่ใช้ในการปลูกกระดูก: วัสดุสังเคราะห์หรือกระดูกจากผู้บริจาคมีราคาต่างกัน
  • ความซับซ้อนของหัตถการ: การปลูกกระดูกบริเวณกว้างหรือการยกไซนัสอาจมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น
  • สถานพยาบาลที่เลือก: โรงพยาบาลรัฐและคลินิกเอกชนมีราคาที่ต่างกัน


สรุป

การปลูกกระดูกเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยเตรียมขากรรไกรให้เหมาะสมกับการฝังรากฟันเทียมในอนาคต ควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อประเมินความจำเป็นในการปลูกกระดูกและสอบถามรายละเอียดค่าใช้จ่ายทั้งหมดเพื่อเตรียมงบประมาณให้เหมาะสม


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

 โทร. 094-741-9369


 เวลาเปิด-ปิด วันจันทร์-เสาร์ เวลา 09.00-19.00 น.
พิกัด: 
https://goo.gl/maps/qUCfWj9PNAhcPuyr8

ปรึกษาทันตแพทย์

บทความอื่นๆ

รากฟันเทียมยี่ห้อไหนดี? เปรียบเทียบ 3 แบรนด์ยอดนิยม
By Petcharadentalclinic April 30, 2025
การเลือกยี่ห้อของ รากฟันเทียม เป็นอีกหนึ่งขั้นตอนที่สำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากส่งผลต่อความแข็งแรง อายุการใช้งาน และความสำเร็จของการรักษาในระยะยาว ปัจจุบันมีรากฟันเทียมหลายยี่ห้อที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล โดยแต่ละยี่ห้อมีจุดเด่นและเทคโนโลยีเฉพาะตัวที่แตกต่างกัน
การทำรากฟันเทียม ถือเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในการทดแทนฟันที่สูญเสียไป เ
By Petcharadentalclinic April 29, 2025
สำหรับข้อมูล รากฟันเทียมคือ อะไร หรือกำลังมองหาคำตอบเกี่ยวกับ รากฟันเทียม 1 ซี่ ราคา เท่าใด รวมถึงต้องการทราบรายละเอียดของแต่ละ ขั้นตอน ตั้งแต่การตรวจสุขภาพช่องปาก วางแผนการรักษา ไปจนถึงการดูแลหลังการทำรากฟันเทียม บทความนี้ได้รวบรวมข้อมูลที่ครบถ้วนและเชื่อถือได้ เพื่อให้ท่านใช้ประกอบการตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ
ฟอกสีฟันที่บ้าน กับฟอกสีฟันที่คลินิก ต่างกันยังไง
By Petcharadentalclinic April 25, 2025
ฟอกสีฟันที่บ้าน กับฟอกสีฟันที่คลินิก ต่างกันยังไง? เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสีย พร้อมราคาและคำแนะนำ การฟอกสีฟันเป็นทางเลือกยอดนิยมของคนที่ต้องการรอยยิ้มขาวสดใสขึ้น แต่หลายคนอาจสงสัยว่า ควรฟอกสีฟันเองที่บ้าน หรือไปทำที่คลินิกทันตกรรมจะดีกว่ากัน? บทความนี้จะพาคุณมาเปรียบเทียบทั้งสองแบบอย่างละเอียด เพื่อช่วยในการตัดสินใจที่เหมาะกับคุณที่สุด