การดูแลฟันปลอม เคล็ดลับง่ายๆ เพื่อความสะอาดและใช้งานได้ยาวนาน
การดูแลฟันปลอม: เคล็ดลับง่ายๆ เพื่อความสะอาดและใช้งานได้ยาวนาน

การใส่ ฟันปลอม เป็นทางเลือกที่ช่วยฟื้นฟูรอยยิ้มและความมั่นใจให้กับผู้ที่สูญเสียฟันไป ไม่ว่าจะเป็น ฟันปลอม แบบถอดได้หรือแบบติดแน่น การดูแลรักษาที่ถูกวิธีเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยให้ ฟันปลอม สะอาด ถูกสุขอนามัย และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น บทความนี้จะมาแบ่งปันเคล็ดลับง่ายๆ ในการดูแล ฟันปลอม ที่คุณควรรู้
ทำไมการดูแลฟันปลอมถึงสำคัญ?
หลายคนอาจคิดว่า ฟันปลอม ไม่ใช่ฟันจริงจึงไม่ต้องดูแลมากนัก แต่ในความเป็นจริงแล้ว ฟันปลอม ก็ต้องการการดูแลไม่ต่างจากฟันธรรมชาติ เพราะหากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ทำความสะอาดอย่างเหมาะสม อาจนำไปสู่ปัญหาต่างๆ ดังนี้:
- การสะสมของคราบแบคทีเรียและเชื้อรา: หากไม่ทำความสะอาด ฟันปลอม อย่างสม่ำเสมอ คราบอาหารและจุลินทรีย์จะสะสมอยู่บนพื้นผิว ฟันปลอม ทำให้เกิดคราบแบคทีเรียที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า คราบเหล่านี้เป็นสาเหตุหลักของกลิ่นไม่พึงประสงค์ในช่องปาก นอกจากนี้ ยังอาจเกิดการติดเชื้อราในช่องปากตามมาได้ โดยเฉพาะเชื้อราแคนดิดา (Candida) ซึ่งทำให้เกิดอาการฝ้าขาวหรือรอยแดงที่เพดานปากและลิ้น ตัวอย่างเช่น หากคุณใส่ ฟันปลอม ตลอดเวลาโดยไม่ถอดมาทำความสะอาดเลย คุณอาจรู้สึกว่ามีกลิ่นปาก หรือสังเกตเห็นคราบขาวคล้ายนมจับตัวอยู่ที่เพดานปากได้
- เหงือกอักเสบ: เศษอาหารและแบคทีเรียที่สะสมอยู่ใต้ฐาน ฟันปลอม สามารถทำให้เหงือกที่รองรับเกิดการอักเสบ บวมแดง หรือเป็นแผลได้ ซึ่งจะทำให้รู้สึกเจ็บปวดและไม่สบายขณะใส่ ฟันปลอม ตัวอย่างเช่น หากคุณไม่ถอด ฟันปลอม มาแปรงทำความสะอาดหลังมื้ออาหาร เศษอาหารจะไปติดอยู่ใต้ฐาน ฟันปลอม และทำให้เหงือกที่เคยแดงอยู่แล้วกลายเป็นสีแดงจัดและบวมขึ้นได้
- อายุการใช้งานที่สั้นลง: การทำความสะอาดที่ไม่ถูกวิธี เช่น การใช้ยาสีฟันที่มีสารขัดฟัน หรือแปรงสีฟันที่แข็งเกินไป อาจทำให้ผิว ฟันปลอม สึกกร่อนหรือเกิดรอยขีดข่วนได้ เมื่อพื้นผิว ฟันปลอม ไม่เรียบเนียน ก็จะเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรียได้ง่ายขึ้น ทำให้ ฟันปลอม สกปรกและมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้เร็วกว่าปกติ และยังทำให้ ฟันปลอม มีอายุการใช้งานสั้นลง ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการทำใหม่บ่อยขึ้น
🔍อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ
ฟันปลอมอยู่ได้นานแค่ไหน? วิธีดูแลให้ใช้งานได้นาน
เคล็ดลับการดูแลฟันปลอมแบบถอดได้
การดูแลรักษา ฟันปลอม แบบถอดได้อย่างถูกวิธีเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะจะช่วยรักษาความสะอาดและยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานขึ้น นี่คือคำแนะนำแบบละเอียดที่คุณสามารถทำตามได้ง่ายๆ:
1. ล้างทำความสะอาดหลังอาหารทันที ทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร ให้ถอด ฟันปลอม ออกจากช่องปากแล้วนำไปล้างด้วยน้ำเปล่าสะอาดทันที การทำแบบนี้จะช่วยชะล้างเศษอาหารชิ้นใหญ่ที่ติดอยู่ตามซอกมุมของ ฟันปลอม ออกไปได้ในเบื้องต้น ซึ่งช่วยลดการสะสมของคราบแบคทีเรียและป้องกันกลิ่นไม่พึงประสงค์ก่อนที่จะมีการแปรงทำความสะอาดอย่างจริงจัง
2. แปรงทำความสะอาดอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง
- ใช้แปรงและน้ำยาที่เหมาะสม: ควรใช้ แปรงสีฟันสำหรับฟันปลอมโดยเฉพาะ หรือแปรงสีฟันที่มีขนนุ่มเท่านั้น ร่วมกับสบู่อ่อนๆ หรือ น้ำยาทำความสะอาดฟันปลอม ชนิดครีมหรือเจล ที่สำคัญคือห้ามใช้ยาสีฟันทั่วไปเด็ดขาด เพราะในยาสีฟันมีสารขัดฟันที่มีฤทธิ์กัดกร่อนสูง ซึ่งจะทำให้ผิว ฟันปลอม เกิดรอยขีดข่วนหรือสึกหรอได้ เมื่อพื้นผิวไม่เรียบเนียนก็จะเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรียได้ง่ายขึ้น
- วิธีการแปรง: ถือ ฟันปลอม ให้มั่นคงแล้วแปรงทำความสะอาดให้ทั่วถึงทุกส่วน ทั้งบริเวณฟันและฐาน ฟันปลอม ทั้งด้านนอกและด้านใน รวมถึงซอกฟันที่อาจมีเศษอาหารติดอยู่ด้วย หลังจากแปรงเสร็จแล้วให้ล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง
3. การแช่ฟันปลอมเป็นประจำ
- ทำไมต้องแช่: การถอด ฟันปลอม แช่ในน้ำก่อนนอนจะช่วยให้เหงือกและเนื้อเยื่อในช่องปากได้พักผ่อน นอกจากนี้ การแช่ยังช่วยทำความสะอาดได้อย่างล้ำลึกมากขึ้นอีกด้วย
- การเลือกน้ำยาแช่: คุณสามารถใช้ เม็ดฟู่ทำความสะอาดฟันปลอม โดยแช่ในภาชนะที่มีน้ำตามคำแนะนำของผลิตภัณฑ์ หรือหากไม่มีเม็ดฟู่ก็สามารถแช่ในน้ำเปล่าสะอาดได้
- ระยะเวลาการแช่: โดยทั่วไปควรแช่อย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง หรือทุกคืนก่อนนอน
4. ระมัดระวังขณะทำความสะอาด ฟันปลอม อาจแตกหักได้ง่ายหากทำตกหล่น ดังนั้นในขณะที่คุณกำลังแปรงหรือทำความสะอาด ฟันปลอม ควรทำบนอ่างล้างหน้าที่รองด้วยผ้าขนหนู หรืออ่างที่เติมน้ำไว้แล้ว เพื่อเป็นเบาะรองรับหากเกิดอุบัติเหตุทำ ฟันปลอม หลุดมือ
5. การเก็บรักษาที่ถูกต้อง เมื่อไม่ได้สวมใส่ ฟันปลอม ควรเก็บในภาชนะที่มีน้ำสะอาดหรือน้ำยาแช่ ฟันปลอม เพื่อไม่ให้ ฟันปลอม แห้งและบิดเบี้ยว ซึ่งจะทำให้ไม่สามารถสวมใส่ได้พอดีอีกต่อไป และควรหลีกเลี่ยงการเก็บในที่ที่มีความร้อนสูงหรือแสงแดดโดยตรง
การดูแลฟันปลอมแบบติดแน่น
แม้ว่า ฟันปลอม แบบติดแน่น เช่น รากฟันเทียม หรือสะพานฟันถาวร จะไม่สามารถถอดออกมาทำความสะอาดได้ แต่การดูแลรักษาก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะหากดูแลไม่ดีอาจทำให้เกิดการสะสมของแบคทีเรียและนำไปสู่ปัญหาเหงือกอักเสบหรือโรคในช่องปากได้ นี่คือคำแนะนำแบบละเอียดที่คุณควรทำตาม
1. แปรงฟันอย่างสม่ำเสมอ
- แปรงวันละ 2 ครั้งเป็นอย่างน้อย: ควรแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง คือตอนเช้าและก่อนนอน ด้วยแปรงสีฟันขนนุ่ม โดยใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ แปรงให้ทั่วถึงทั้งฟันธรรมชาติและ ฟันปลอม เพื่อขจัดคราบจุลินทรีย์ (dental plaque) และเศษอาหารที่เกาะติดอยู่
- แปรงบริเวณขอบเหงือก: ควรให้ความสำคัญกับการแปรงบริเวณขอบเหงือกที่ติดกับ ฟันปลอม เป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นบริเวณที่แบคทีเรียสะสมได้ง่าย ซึ่งเป็นสาเหตุของเหงือกอักเสบ
2. ใช้ไหมขัดฟันและอุปกรณ์ทำความสะอาดเฉพาะทาง
การใช้แปรงสีฟันเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอสำหรับการทำความสะอาด ฟันปลอม แบบติดแน่น ควรใช้อุปกรณ์เสริมเพื่อทำความสะอาดบริเวณซอกฟันและใต้ฐาน ฟันปลอม
- ไหมขัดฟันสำหรับสะพานฟัน (Super Floss): เป็นไหมขัดฟันชนิดพิเศษที่มีปลายแข็งช่วยให้สอดเข้าใต้ฐานสะพานฟันได้ง่าย จากนั้นใช้ส่วนที่เป็นใยคล้ายฟองน้ำทำความสะอาดบริเวณใต้สะพานฟัน เพื่อขจัดเศษอาหารที่แปรงสีฟันเข้าไม่ถึง
- แปรงซอกฟัน (Interdental Brush): เป็นแปรงขนาดเล็กที่มีหลายขนาด เหมาะสำหรับทำความสะอาดซอกฟันและช่องว่างใต้ ฟันปลอม ที่มีขนาดกว้าง ช่วยทำความสะอาดได้อย่างล้ำลึกและมีประสิทธิภาพ
3. การเลือกอาหารและการใช้ฟันอย่างระมัดระวัง
- หลีกเลี่ยงอาหารแข็งและเหนียว: ควรระมัดระวังการเคี้ยวหรือกัดอาหารที่มีความแข็งมากเกินไป เช่น น้ำแข็ง ถั่วแข็งๆ หรือลูกอม รวมถึงอาหารที่เหนียว เช่น ตังเม หรือคาราเมล เพราะอาจทำให้ ฟันปลอม หรือวัสดุที่ยึดติดเกิดความเสียหายหรือหลุดได้
- ไม่ใช้ฟันกัดสิ่งของที่ไม่ใช่อาหาร: ไม่ควรใช้ ฟันปลอม ไปกัดสิ่งของที่ไม่ใช่อาหาร เช่น การฉีกซองพลาสติก หรือกัดเล็บ เพราะอาจทำให้ ฟันปลอม แตกหักหรือเกิดความเสียหายได้
4. พบทันตแพทย์ตามนัดหมาย
- ตรวจสุขภาพฟันเป็นประจำ: ควรไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากและ ฟันปลอม อย่างสม่ำเสมออย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง หรือตามที่ทันตแพทย์แนะนำ เพื่อให้ทันตแพทย์ตรวจสอบสภาพ ฟันปลอม และทำความสะอาดคราบหินปูนที่สะสมอยู่ตามขอบ ฟันปลอม ซึ่งการดูแลด้วยตัวเองอาจไม่สามารถทำความสะอาดได้อย่างหมดจด
ข้อควรปฏิบัติเพิ่มเติมที่สำคัญ
นอกจากการทำความสะอาด ฟันปลอม ตามขั้นตอนอย่างสม่ำเสมอแล้ว การดูแลตัวเองและการสังเกตความผิดปกติก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อให้ ฟันปลอม ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยในระยะยาว:
- ตรวจเช็กฟันปลอมและช่องปากเป็นประจำ: หากคุณสังเกตเห็นว่า ฟันปลอม เริ่มหลวม ใส่แล้วไม่กระชับ หรือมีรอยร้าวแม้เพียงเล็กน้อย ควรรีบไปพบทันตแพทย์เพื่อทำการแก้ไขทันที ไม่ควรพยายามแก้ไขหรือซ่อมแซมด้วยตัวเอง เพราะอาจทำให้ ฟันปลอม เสียหายหนักขึ้นหรือทำให้การสวมใส่ไม่พอดี ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อเหงือกและเนื้อเยื่อในช่องปากได้ นอกจากนี้ ควรหมั่นสังเกตสุขภาพเหงือกและเพดานปาก หากพบอาการบวมแดง มีแผล หรือรู้สึกเจ็บปวด ควรรีบปรึกษาทันตแพทย์เช่นกัน
- พบทันตแพทย์อย่างสม่ำเสมอ: ควรไปพบทันตแพทย์อย่างน้อยทุก 6 เดือน หรือตามคำแนะนำของทันตแพทย์ เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากโดยรวม ทั้งฟันธรรมชาติที่ยังเหลืออยู่ ฟันปลอม และเนื้อเยื่อต่างๆ ในช่องปาก การไปพบทันตแพทย์จะช่วยให้สามารถตรวจพบปัญหาตั้งแต่เนิ่นๆ เช่น การสะสมของคราบหินปูนที่ขอบ ฟันปลอม หรือการปรับแก้ไขให้ ฟันปลอม พอดีอยู่เสมอ
- ถอดฟันปลอมก่อนนอน: หากใช้ ฟันปลอม แบบถอดได้ ควรให้เหงือกและเนื้อเยื่อในช่องปากได้พักผ่อนด้วยการถอด ฟันปลอม ออกก่อนนอน อย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน การทำเช่นนี้จะช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อราและป้องกันการระคายเคืองที่เหงือกได้
🔍อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับฟันปลอมถอดได้ที่
บริการฟันปลอม - เพ็ชรา คลินิก
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับฟันปลอม
1. ใช้อะไรทำความสะอาดฟันปลอมได้บ้าง นอกเหนือจากน้ำยาเฉพาะทาง?
นอกจากน้ำยาทำความสะอาด ฟันปลอม ชนิดเม็ดฟู่หรือครีมแล้ว หลายคนอาจสงสัยว่าสามารถใช้อะไรทดแทนได้บ้าง จริงๆ แล้ว สบู่อ่อนๆ ที่ไม่มีส่วนผสมของสารเคมีรุนแรง หรือ น้ำยาล้างจานแบบไม่มีสี ก็สามารถใช้ทำความสะอาด ฟันปลอม ได้เช่นกัน แต่ควรล้างด้วยน้ำสะอาดให้หมดจดหลายๆ ครั้งจนแน่ใจว่าไม่มีฟองหรือสารตกค้าง อย่างไรก็ตาม ห้ามใช้ยาสีฟันทั่วไป ผงซักฟอก หรือสารฟอกขาวเด็ดขาด เพราะจะทำลายพื้นผิว ฟันปลอม และอาจเป็นอันตรายต่อช่องปาก
2. ฟันปลอมหลวมทำอย่างไรดี?
อาการ ฟันปลอม หลวมเป็นปัญหาที่พบได้บ่อย สาเหตุหลักมาจากการเปลี่ยนแปลงของสันเหงือกและกระดูกขากรรไกรเมื่อเวลาผ่านไป ซึ่งส่งผลให้ ฟันปลอม ที่เคยพอดีเริ่มไม่กระชับและเคลื่อนที่ได้ขณะเคี้ยวอาหาร หาก ฟันปลอม ของคุณหลวมหรือไม่พอดี ไม่ควรแก้ไขด้วยตัวเอง โดยการใช้กาวทั่วไปหรือวัสดุอื่นๆ เนื่องจากอาจทำให้ ฟันปลอม เสียหายและเป็นอันตรายต่อเหงือก สิ่งที่ดีที่สุดคือการนัดหมายทันตแพทย์ เพื่อให้ทันตแพทย์ตรวจเช็กและพิจารณาว่าควรเสริมฐาน ฟันปลอม หรือทำใหม่เพื่อให้พอดีและใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. ฟันปลอมมีกลิ่นเหม็น ทำยังไงให้หาย?
กลิ่นไม่พึงประสงค์จาก ฟันปลอม มักเกิดจากการสะสมของแบคทีเรียและเชื้อรา หากคุณทำความสะอาด ฟันปลอม ไม่เพียงพอ หรือไม่ถอด ฟันปลอม ก่อนนอนเพื่อทำความสะอาดและให้เหงือกได้พัก อาการนี้จะเกิดขึ้นได้ง่าย วิธีแก้ไขคือ
- แปรงฟันปลอมให้สะอาดทั่วถึง ด้วยแปรงและน้ำยาที่เหมาะสม อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง
- แช่ฟันปลอมในน้ำยาทำความสะอาด ชนิดเม็ดฟู่เป็นประจำตามคำแนะนำผลิตภัณฑ์
- หมั่นดูแลความสะอาดช่องปาก ของคุณให้ดีด้วยการแปรงเหงือก ลิ้น และเพดานปาก หากกลิ่นยังไม่ดีขึ้น ควรไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสอบว่ามีสาเหตุอื่น เช่น การติดเชื้อราในช่องปากร่วมด้วยหรือไม่
4. ต้องเปลี่ยนฟันปลอมใหม่เมื่อไหร่?
โดยทั่วไป ฟันปลอม มีอายุการใช้งานประมาณ 5-7 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาและการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย อย่างไรก็ตาม สัญญาณที่บ่งบอกว่าถึงเวลาเปลี่ยน ฟันปลอม ใหม่ ได้แก่
- ฟันปลอมหลวม ไม่กระชับ และใส่แล้วเจ็บ
- ฟันปลอมสึกหรอ ทำให้เคี้ยวอาหารได้ยากขึ้น
- สีฟันปลอมเปลี่ยนไป หรือมีคราบฝังแน่นที่ทำความสะอาดไม่ออก
- รู้สึกไม่สบาย หรือมีอาการเจ็บเหงือกเรื้อรัง
การดูแล
ฟันปลอม อย่างถูกวิธีไม่ว่าจะเป็นแบบถอดได้หรือแบบติดแน่น ถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้คุณมีสุขภาพช่องปากที่ดีและยิ้มได้อย่างมั่นใจในทุกๆ วัน อย่าละเลยการทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ การใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม รวมถึงการหมั่นสังเกตความผิดปกติของ
ฟันปลอม อยู่เสมอ
อย่างไรก็ตาม การดูแลรักษาด้วยตัวเองเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ เพ็ชราคลินิก พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลสุขภาพช่องปากของคุณอย่างครบวงจร ทีมทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของเราสามารถให้คำแนะนำที่ถูกต้องเกี่ยวกับการทำความสะอาดและบำรุงรักษา ฟันปลอม รวมถึงการตรวจเช็กสภาพ ฟันปลอม และสุขภาพช่องปากของคุณเป็นประจำ เพื่อให้แน่ใจว่า ฟันปลอม ของคุณอยู่ในสภาพที่ดีที่สุดและใช้งานได้อย่างปลอดภัย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร. 094-741-9369
เวลาเปิด-ปิด วันจันทร์-เสาร์ เวลา 09.00-19.00 น.
พิกัด: https://goo.gl/maps/qUCfWj9PNAhcPuyr8