รีเทนเนอร์
รีเทนเนอร์ไม่ใช่การจัดฟันอย่างที่ใครหลายๆคนเข้าใจกันผิด จริงๆแล้วรีเทนเนอร์เป็นเครื่องมือที่ใช้คงสภาพฟัน สำหรับคนไข้ที่เข้ารับการจัดฟัน ทั้งนี้การใส่รีเทนเนอร์ก็เพื่อไม่ให้ฟันเคลื่อนที่ไปจากตำแหน่งที่เป็นอยู่ ซึ่งทันตแพทย์ให้คนไข้ที่จัดฟันเสร็จใส่รีเทนเนอร์อย่างเคร่งครัดเพื่อคงสภาพฟันหลังจากจัดฟันเสร็จ
รีเทนเนอร์ คืออะไร
รีเทนเนอร์ไม่ใช่การจัดฟันอย่างที่ใครหลายๆคนเข้าใจกันผิด จริงๆแล้วรีเทนเนอร์เป็นเครื่องมือที่ใช้คงสภาพฟัน เพื่อไม่ให้ฟันเคลื่อนที่ไปจากตำแหน่งที่เป็นอยู่ ซึ่งทันตแพทย์จัดฟันจะให้คนไข้ที่จัดฟันเสร็จใส่รีเทนเนอร์อย่างเคร่งครัดเพื่อคงสภาพฟันหลังจากจัดฟันเสร็จ
รีเทนเนอร์ ช่วยอะไร
หลังจัดฟันเสร็จถ้าไม่ใส่รีเทนเนอร์แล้วจะเป็นยังไง ก็มีโอกาสสูงมากที่ฟันจะล้ม บิดเบี้ยว และกลับไปมีสภาพ เดิม ก่อนการจัดฟัน ซึ่งทำให้ต้องเสียเงิน เสียเวลาไปจัดฟันใหม่อีกครั้ง ซึ่งใช้เวลานานหลายปี กว่าฟันจะอยู่ คงที่ ทางที่ดี หลังจัดฟัน ควรใส่รีเทนเนอร์ไว้ตลอดวัน ถอดเฉพาะช่วงรับประทานอาหาร เพื่อให้ฟันคงรูป เรียงตัวสวย
รีเทนเนอร์ มีกี่แบบ
รีเทนเนอร์แบ่งได้เป็น 3 ประเภท คือ
- รีเทนเนอร์แบบลวดเป็นรีเทนเนอร์แบบถอดได้ (Removable Hawley Wire Retainers) มีตัวฐานทำจากพลาสติกหรืออะคริลิกที่มีรูปร่างพอดีกับเพดานปากเเละตามเเนวฟันล่างด้านในของคนไข้ มีส่วนที่เป็นลวดโลหะบางๆ พาดผ่านด้านนอกของฟันคนไข้ เพื่อรักษาการเรียงตัวของฟัน
- รีเทนเนอร์แบบใส(Removable Clear Plastic Retainers) รีเทนเนอร์ประเภทนี้ทำจากพลาสติกหรือโพลียูรีเทน ขึ้นรูปโดยการถูกทำให้ร้อนและดูดลงไปที่แม่พิมพ์ของฟันคนไข้ รีเทนเนอร์จะให้ความพอดีกับตำแหน่งฟันใหม่
- รีเทนเนอร์เเบบติดเเน่น(Permanent Retainers, Bonded Retainers) ตัวรีเทนเนอร์ประกอบด้วยลวดแข็งดัดโค้งเพื่อให้พอดีกับรูปร่างของฟัน ลวดจะถูกยืดไว้บริเวณด้านในของฟันหน้าของคนไข้ เพื่อป้องกันไม่ให้ฟันเคลื่อนที่ คนไข้จะไม่สามารถถอดออกเองได้ ยกเว้นทันตแพทย์จัดฟันจะเป็นผู้ถอดให้

รีเทนเนอร์: เลือกแบบไหนดี เพื่อรอยยิ้มที่สวยงามและยั่งยืน
หลังจากการจัดฟันที่ยาวนาน การใส่รีเทนเนอร์เป็นขั้นตอนสำคัญที่ขาดไม่ได้ เพื่อรักษาผลลัพธ์ของการจัดฟันให้คงอยู่ยาวนาน แต่ด้วยตัวเลือกที่มีมากมาย อาจทำให้หลายคนเกิดความสับสนว่าจะเลือกแบบไหนดี บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจถึงข้อดีข้อเสียของรีเทนเนอร์แต่ละประเภท เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจเลือกแบบที่เหมาะสมกับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของคุณได้อย่างมั่นใจ
เลือกแบบไหนดี?
การเลือกรีเทนเนอร์ที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น สภาพฟัน ความต้องการส่วนบุคคล และงบประมาณ
หากคุณให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพและความคุ้มค่าในระยะยาว: รีเทนเนอร์แบบลวดอาจเป็นตัวเลือกที่ดี
หากคุณต้องการความสวยงามและความสะดวกสบาย: รีเทนเนอร์แบบใสอาจเหมาะสมกว่า
หากคุณต้องการความมั่นใจว่าฟันจะไม่เคลื่อนที่ และไม่ต้องการกังวลเรื่องการถอดเข้าออก: รีเทนเนอร์แบบติดแน่นอาจเป็นทางเลือกที่ดี
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อขอคำแนะนำในการเลือกรีเทนเนอร์ที่เหมาะสมกับคุณ ทันตแพทย์จะสามารถประเมินสภาพฟันของคุณ และให้คำแนะนำที่เหมาะสมที่สุด เพื่อให้คุณมีรอยยิ้มที่สวยงามและยั่งยืน
ไม่ว่าคุณจะเลือก รีเทนเนอร์ แบบไหน การดูแลรักษาความสะอาดและใส่รีเทนเนอร์ตามคำแนะนำของทันตแพทย์ เป็นสิ่งสำคัญที่สุด
วิธีทําความสะอาด รีเทนเนอร์
การทำความสะอาด ถอดรีเทนเนอร์ทำความสะอาดด้วยน้ำสบู่ แนะนำว่าควรใช้แปรงสีฟันแปรงเบา ๆ เพื่อทำความสะอาดในจุดที่ทำความสะอาดยากและเข้าถึงได้ยาก บางครั้งจำเป็นต้องใช้น้ำยาพิเศษสำหรับแช่ ทำความสะอาดรีเทนเนอร์เพื่อขจัดคราบที่ติดในรีเทนเนอร์ โดยจะมีการดูแลรักษารีเทนเนอร์แบบใสและแบบลวดที่ถูกวิธีดังนี้
- หลังถอดรีเทนเนอร์ ล้างคราบสกปรกออกจากรีเทนเนอร์ทันที เพราะไม่เช่นนั้นคราบสกปรกจะติด แน่น ทำความสะอาดได้ยาก
- ใช้น้ำอุ่นผสมกับยาสีฟัน หรือจะเป็นน้ำยาล้างจานก็ได้ เสร็จแล้ว หาแปรงสีฟันขนนุ่มๆสักหน่อย ทำความสะอาดรีเทนเนอร์ทุกซอกทุกมุมไม่ให้มีสิ่งสกปรกติดค้าง
- ทำความสะอาดร่องรีเทนเนอร์ ซึ่งเป็นจุดที่ทำความสะอาดยาก ด้วยการใช้ก้านสำลีเช็ดเบาๆ
- ก่อนที่ใช้วิธีทำความสะอาดรีเทนเนอร์ด้วยการแช่น้ำยาบ้วนปากหรือน้ำยาทำความสะอาดฟันปลอมควรปรึกษาทันแพทย์เพื่อรับคำแนะนำ
- การทำความสะอาดรีเทนเนอร์ที่มีคราบฝังแน่น ควรปรึกษาทันตแพทย์โดยตรง เพราะทันตแพทย์ จะใช้สารละลายพิเศษทำความสะอาดคราบฝังแน่นได้ ซึ่งเราไม่สามารถทำได้
- รีเทนเนอร์ที่เป็นแบบชนิดถาวร ต้องยึดติดฟันตลอดเวลา ถอดออกมาทำความสะอาดไม่ได้ จึงดูแล รักษาความสะอาดด้วยวิธีการใช้ไหมขัดฟัน กำจัดสิ่งสกปรก โดยการร้อยไหมขัดฟัน ระหว่างรีเทนเนอร์กับฟันล่างดึงไหมขัดฟันขึ้นลงไปจนถึงขอบเหงือกระหว่างซี่ฟันทุกซี่ เพื่อกำจัดสิ่งสกปรกที่ติดค้างตามซี่ฟัน
- หากหลังทำความสะอาดแล้วเก็บใส่กล่องรีเทนเนอร์ให้เรียบร้อย อย่าห่อด้วยผ้าหรือกระดาษทิชชู เวลา สวมใส่รีเทนเนอร์หากยังมีอาการระคายเคืองต่อเหงือก และฟัน ควรรีบปรึกษาทันตแพทย์ทันทีเพื่อตรวจหา สาเหตุผิดปกติ และรักษาได้อย่างทันท่วงที
รีเทนเนอร์หลวมเกินไป: ทำอย่างไรดี?
หากคุณรู้สึกว่ารีเทนเนอร์ของคุณหลวมเกินไป นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าฟันของคุณกำลังเคลื่อนที่ หรือรีเทนเนอร์อาจมีการสึกหรอหรือเสียหาย ซึ่งอาจส่งผลให้ฟันของคุณกลับไปสู่ตำแหน่งเดิมก่อนการจัดฟันได้ ดังนั้น หากพบว่ารีเทนเนอร์หลวม ควรรีบดำเนินการแก้ไขโดยเร็วที่สุด
สิ่งที่ควรทำ:
- ติดต่อทันตแพทย์: นี่คือสิ่งแรกและสำคัญที่สุดที่คุณควรทำ ทันตแพทย์จะสามารถประเมินสถานการณ์และให้คำแนะนำที่เหมาะสมที่สุดแก่คุณได้
- สวมรีเทนเนอร์ต่อไป (ถ้าทำได้): แม้ว่ารีเทนเนอร์จะหลวม แต่การสวมใส่ต่อไปจะช่วยชะลอการเคลื่อนที่ของฟันได้บ้าง อย่างไรก็ตาม หากรีเทนเนอร์หลวมมากจนทำให้รู้สึกไม่สบายหรือระคายเคือง ควรถอดออกและติดต่อทันตแพทย์ทันที
- หลีกเลี่ยงการปรับแต่งเอง: อย่าพยายามดัดหรือปรับแต่งรีเทนเนอร์ด้วยตัวเอง เพราะอาจทำให้รีเทนเนอร์เสียหายมากขึ้น และอาจส่งผลเสียต่อฟันของคุณได้
ทันตแพทย์อาจแนะนำวิธีแก้ไขดังนี้:
- ปรับแต่งรีเทนเนอร์: หากรีเทนเนอร์หลวมเล็กน้อย ทันตแพทย์อาจสามารถปรับแต่งให้กระชับขึ้นได้
- ทำรีเทนเนอร์ใหม่: หากรีเทนเนอร์หลวมมาก หรือเสียหาย ทันตแพทย์อาจแนะนำให้ทำรีเทนเนอร์ใหม่
- พิจารณาการจัดฟันซ้ำ: ในบางกรณี หากฟันเคลื่อนที่มากเกินไป ทันตแพทย์อาจแนะนำให้จัดฟันซ้ำเพื่อให้ฟันกลับเข้าที่
สิ่งสำคัญที่ควรจำ:
- ใส่รีเทนเนอร์ตามคำแนะนำของทันตแพทย์: เพื่อป้องกันไม่ให้รีเทนเนอร์หลวมและฟันเคลื่อนที่
- ดูแลรักษารีเทนเนอร์ให้สะอาด: เพื่อป้องกันการสะสมของคราบพลัคและแบคทีเรีย ซึ่งอาจทำให้รีเทนเนอร์เสื่อมสภาพเร็วขึ้น
- ไปพบทันตแพทย์ตามนัด: เพื่อให้ทันตแพทย์ตรวจสอบสภาพฟันและรีเทนเนอร์ของคุณเป็นประจำ
อย่าละเลยปัญหา รีเทนเนอร์หลวม! การแก้ไขปัญหาตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยป้องกันปัญหาฟันล้ม และช่วยให้คุณรักษารอยยิ้มที่สวยงามไว้ได้ยาวนาน
รีเทนเนอร์มีกลิ่น: วิธีแก้ไขและป้องกัน
รีเทนเนอร์มีกลิ่นเป็นปัญหาที่พบได้บ่อย และมักเกิดจากการสะสมของแบคทีเรียและเศษอาหาร หากไม่รีบแก้ไข อาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพช่องปากตามมาได้
วิธีแก้ไข:
- ทำความสะอาดทันที: เมื่อถอดรีเทนเนอร์ออก ควรล้างด้วยน้ำสะอาดทันที เพื่อขจัดเศษอาหารและแบคทีเรียเบื้องต้น
- แปรงทำความสะอาด: ใช้แปรงสีฟันขนนุ่มและยาสีฟันหรือสบู่เหลว แปรงทำความสะอาดรีเทนเนอร์อย่างเบามือทุกซอกทุกมุม รวมถึงบริเวณลวดและตะขอ (ถ้ามี)
- แช่ในน้ำยาทำความสะอาด: สามารถใช้น้ำยาทำความสะอาดฟันปลอม หรือน้ำยาทำความสะอาดรีเทนเนอร์โดยเฉพาะ แช่ตามระยะเวลาที่ระบุบนฉลาก
- ใช้น้ำส้มสายชู: ผสมน้ำส้มสายชูกับน้ำเปล่าในอัตราส่วน 1:1 แล้วแช่รีเทนเนอร์ประมาณ 30 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด น้ำส้มสายชูมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ ช่วยขจัดคราบและแบคทีเรียได้
- ใช้น้ำยาบ้วนปาก: ในกรณีที่ไม่มีน้ำยาทำความสะอาดอื่นๆ สามารถใช้น้ำยาบ้วนปากแทนได้ แต่ไม่ควรใช้บ่อยเกินไป เพราะอาจทำให้รีเทนเนอร์เสื่อมสภาพเร็วขึ้น
วิธีป้องกัน:
- ทำความสะอาดรีเทนเนอร์ทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร: เพื่อป้องกันการสะสมของเศษอาหารและแบคทีเรีย
- แปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันก่อนใส่รีเทนเนอร์: ช่วยลดการสะสมของแบคทีเรียในช่องปาก
- เก็บรีเทนเนอร์ในกล่อง: เมื่อไม่ได้ใช้งาน ควรเก็บรีเทนเนอร์ในกล่องที่สะอาดและแห้ง เพื่อป้องกันการปนเปื้อน
- พบทันตแพทย์เป็นประจำ: เพื่อตรวจสอบสภาพของรีเทนเนอร์และสุขภาพช่องปาก
ข้อควรระวัง:
- ไม่ควรใช้น้ำร้อน: น้ำร้อนอาจทำให้รีเทนเนอร์เสียรูปทรงได้
- ไม่ควรใช้สารฟอกขาว: สารฟอกขาวอาจทำให้รีเทนเนอร์เสื่อมสภาพและเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
- หากมีกลิ่นหรือคราบที่กำจัดไม่ออก: ควรปรึกษาทันตแพทย์
การดูแลรักษารีเทนเนอร์ให้สะอาดอยู่เสมอเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพช่องปากและยืดอายุการใช้งานของรีเทนเนอร์ หากมีข้อสงสัยหรือปัญหาใดๆ ควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติม
รีเทนเนอร์หัก: อย่าปล่อยไว้ แก้ไขทันทีเพื่อรักษารอยยิ้มสวย
รีเทนเนอร์หักเป็นปัญหาที่ไม่ควรมองข้าม เพราะอาจส่งผลให้ฟันของคุณเคลื่อนที่กลับไปสู่ตำแหน่งเดิมก่อนการจัดฟันได้ หากพบว่ารีเทนเนอร์ของคุณหัก ไม่ว่าจะแตก ร้าว หรือบิ่น ควรรีบดำเนินการแก้ไขโดยเร็วที่สุด
สิ่งที่ควรทำทันที:
- หยุดใส่รีเทนเนอร์: หากรีเทนเนอร์หัก ควรถอดออกทันที เพื่อป้องกันไม่ให้เศษชิ้นส่วนทำร้ายช่องปากหรือฟันของคุณ
- เก็บชิ้นส่วนที่หัก: หากเป็นไปได้ ให้เก็บชิ้นส่วนที่หักไว้ เพื่อให้ทันตแพทย์สามารถประเมินความเสียหายและพิจารณาทางเลือกในการซ่อมแซมหรือทำใหม่ได้
- ติดต่อทันตแพทย์โดยเร็วที่สุด: เพื่อแจ้งปัญหาและนัดหมายเข้ารับการตรวจและแก้ไขโดยเร็วที่สุด
ทางเลือกในการแก้ไข:
- ซ่อมแซม: ในบางกรณี หากรีเทนเนอร์หักเพียงเล็กน้อย ทันตแพทย์อาจสามารถซ่อมแซมให้กลับมาใช้งานได้ อย่างไรก็ตาม การซ่อมแซมอาจไม่แข็งแรงเท่าเดิม และอาจมีโอกาสหักซ้ำได้
- ทำรีเทนเนอร์ใหม่: หากรีเทนเนอร์หักเสียหายมาก หรือไม่สามารถซ่อมแซมได้ ทันตแพทย์จะแนะนำให้ทำรีเทนเนอร์ใหม่ ซึ่งอาจใช้เวลาในการผลิตและปรับแต่ง
- พิจารณาเปลี่ยนประเภทของรีเทนเนอร์: หากรีเทนเนอร์ของคุณหักบ่อยครั้ง อาจเป็นสัญญาณว่าคุณควรเปลี่ยนไปใช้รีเทนเนอร์ประเภทอื่นที่ทนทานกว่า เช่น รีเทนเนอร์แบบลวด หรือรีเทนเนอร์แบบติดแน่น
สิ่งสำคัญที่ควรจำ:
- อย่าปล่อยทิ้งไว้: ยิ่งปล่อยทิ้งไว้นานเท่าไหร่ โอกาสที่ฟันจะเคลื่อนที่ก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
- ดูแลรักษารีเทนเนอร์ให้ดี: เพื่อป้องกันไม่ให้หักหรือเสียหาย ควรทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ และเก็บในกล่องเมื่อไม่ใช้งาน
- พบทันตแพทย์ตามนัด: เพื่อให้ทันตแพทย์ตรวจสอบสภาพฟันและรีเทนเนอร์ของคุณเป็นประจำ
การดูแลรักษาผลลัพธ์ของการจัดฟันให้คงอยู่ยาวนาน จำเป็นต้องใส่ใจและดูแลรีเทนเนอร์อย่างถูกต้อง หากพบปัญหาใดๆ ควรรีบปรึกษาทันตแพทย์เพื่อขอคำแนะนำและแก้ไขโดยเร็วที่สุด
รีเทนเนอร์ราคา: ตัวเลือกหลากหลาย เพื่อรอยยิ้มที่คุ้มค่า
ราคาของรีเทนเนอร์อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ประเภทของรีเทนเนอร์ วัสดุที่ใช้ เทคนิคการผลิต และคลินิกที่ให้บริการ โดยทั่วไปแล้ว ราคาของรีเทนเนอร์ในประเทศไทยมีตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่นบาท
- รีเทนเนอร์แบบลวด
เป็นรีเทนเนอร์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากราคาไม่แพงและมีอายุการใช้งานยาวนาน
ราคาโดยทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 2,000 - 4,000 บาทต่อชิ้น
- รีเทนเนอร์แบบใส
มีความสวยงามและแทบมองไม่เห็นเมื่อใส่ แต่มีราคาสูงกว่าแบบลวด
ราคาโดยทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 3,000 - 6,000 บาทต่อชิ้น
ปัจจัยที่มีผลต่อราคา:
- ประเภทของรีเทนเนอร์: รีเทนเนอร์แบบใสและแบบติดแน่นมักจะมีราคาสูงกว่าแบบลวด
- วัสดุที่ใช้: วัสดุที่มีคุณภาพสูงมักจะมีราคาแพงกว่า
- เทคนิคการผลิต: รีเทนเนอร์ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงอาจมีราคาสูงกว่า
- คลินิกที่ให้บริการ: คลินิกที่มีชื่อเสียงหรือตั้งอยู่ในทำเลที่ดีมักจะมีราคาสูงกว่า
เคล็ดลับในการประหยัดค่าใช้จ่าย:
- สอบถามโปรโมชั่น: หลายคลินิกมีโปรโมชั่นสำหรับรีเทนเนอร์ ควรสอบถามข้อมูลก่อนตัดสินใจ
- เปรียบเทียบราคา: เปรียบเทียบราคาระหว่างคลินิกต่างๆ ก่อนตัดสินใจ
- พิจารณารีเทนเนอร์แบบลวด: หากงบประมาณจำกัด รีเทนเนอร์แบบลวดเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า
- ดูแลรักษารีเทนเนอร์อย่างดี: เพื่อยืดอายุการใช้งานและลดความจำเป็นในการเปลี่ยนใหม่
ไม่ว่าคุณจะเลือก รีเทนเนอร์ แบบไหน การดูแลรักษาความสะอาดและใส่รีเทนเนอร์ตามคำแนะนำของทันตแพทย์ เป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพื่อให้คุณมีรอยยิ้มที่สวยงามและยั่งยืน
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับราคาหรือการเลือกรีเทนเนอร์ สามารถปรึกษาเพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติม
ต้องใส่รีเทนเนอร์นานนานแค่ไหน
ระยะเวลาที่ต้องใส่รีเทนเนอร์นั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สภาพฟันของคุณ ความซับซ้อนของการจัดฟัน และคำแนะนำของทันตแพทย์ผู้ทำการรักษา
โดยทั่วไปแล้ว แนะนำให้ใส่รีเทนเนอร์ดังนี้:
- ระยะแรก (Intensive Retention Phase): ในช่วง 6-12 เดือนแรกหลังจากถอดเครื่องมือจัดฟัน ฟันของคุณยังมีโอกาสเคลื่อนที่กลับไปตำแหน่งเดิมได้ง่าย ดังนั้นทันตแพทย์ส่วนใหญ่มักจะแนะนำให้ใส่รีเทนเนอร์ตลอด 24 ชั่วโมง ยกเว้นตอนรับประทานอาหารหรือแปรงฟัน
- ระยะที่สอง (Reduced Retention Phase): หลังจากผ่านระยะแรกไปแล้ว ฟันของคุณจะมีความมั่นคงมากขึ้น ทันตแพทย์อาจอนุญาตให้ลดระยะเวลาการใส่รีเทนเนอร์ลงเหลือเพียงเวลากลางคืนขณะนอนหลับ ซึ่งอาจใช้เวลาอีก 1-2 ปี หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของทันตแพทย์
- ระยะยาว (Permanent Retention): แม้ว่าฟันของคุณจะเข้าที่แล้ว แต่ก็ยังมีโอกาสเคลื่อนที่ได้เล็กน้อยตลอดชีวิต ดังนั้นทันตแพทย์บางท่านอาจแนะนำให้ใส่รีเทนเนอร์เวลากลางคืนไปตลอดชีวิต หรืออย่างน้อยก็ในระยะยาว เพื่อรักษาระเบียบฟันให้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุด
สิ่งสำคัญที่ต้องจำ:
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์อย่างเคร่งครัด: ทันตแพทย์จะประเมินสภาพฟันของคุณและให้คำแนะนำเฉพาะบุคคลเกี่ยวกับระยะเวลาที่เหมาะสมในการใส่รีเทนเนอร์
- อย่าหยุดใส่รีเทนเนอร์ก่อนเวลา: การหยุดใส่รีเทนเนอร์ก่อนที่ทันตแพทย์จะอนุญาต อาจทำให้ฟันเคลื่อนที่กลับไปตำแหน่งเดิมได้
- ไปพบทันตแพทย์ตามนัด: เพื่อให้ทันตแพทย์ตรวจสอบสภาพฟันและรีเทนเนอร์ของคุณเป็นประจำ และปรับแผนการรักษาหากจำเป็น
การใส่รีเทนเนอร์อย่างสม่ำเสมอเป็นกุญแจสำคัญในการรักษารอยยิ้มที่สวยงามและยั่งยืนหลังการจัดฟัน หากคุณมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับระยะเวลาที่ต้องใส่รีเทนเนอร์ ควรปรึกษาทันตแพทย์ของคุณเพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติม