รากฟันเทียมกับการรักษารากฟัน ต่างกันอย่างไร? แบบไหนเหมาะกับคุณ
รากฟันเทียมกับการรักษารากฟัน ต่างกันอย่างไร? แบบไหนเหมาะกับคุณ?

รากฟันเทียม และ การรักษารากฟัน เป็นสองกระบวนการที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทั้งในด้านวัตถุประสงค์และขั้นตอนการรักษา โดยแต่ละวิธีมีความเหมาะสมและการใช้งานที่ต่างกัน ขึ้นอยู่กับปัญหาสุขภาพช่องปากของแต่ละบุคคล
รากฟันเทียม (Dental Implant)
รากฟันเทียม เป็นการทดแทนฟันที่สูญเสียไปทั้งรากและตัวฟัน โดยใช้รากเทียมที่ทำจากไทเทเนียมหรือวัสดุพิเศษอื่น ๆ ฝังลงไปในกระดูกขากรรไกร ซึ่งรากเทียมจะทำหน้าที่เป็นรากฟันของฟันเทียม โดยขั้นตอนการทำรากฟันเทียมจะครอบคลุมตั้งแต่การฝังรากเทียมในกระดูก การรอให้กระดูกยึดติดกับรากเทียม จนถึงการติดตั้งครอบฟันบนรากเทียม
ข้อดีของรากฟันเทียม
- ความแข็งแรงและทนทาน: รากฟันเทียมยึดแน่นกับกระดูกขากรรไกร รองรับแรงบดเคี้ยวได้ดีเหมือนฟันธรรมชาติ
- ความสวยงามและความมั่นใจ: รากฟันเทียมมีลักษณะคล้ายฟันจริง ทำให้มีความมั่นใจในการยิ้มและพูดคุย
- ป้องกันการสูญเสียกระดูก: รากฟันเทียมช่วยกระตุ้นกระดูกขากรรไกร ลดการยุบตัวของกระดูกที่อาจเกิดจากการสูญเสียฟัน
ข้อเสียของรากฟันเทียม
- ค่าใช้จ่ายสูง: รากฟันเทียมมีราคาสูงกว่าการรักษารากฟัน
- ใช้เวลานานในการรักษา: กระบวนการทั้งหมดอาจใช้เวลาหลายเดือนในการให้กระดูกยึดติดกับรากเทียมและครอบฟัน
- ความเหมาะสมของผู้ป่วย: ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่กระดูกขากรรไกรไม่แข็งแรงพอ หรือมีปัญหาสุขภาพบางอย่าง เช่น โรคเบาหวานที่ควบคุมได้ยาก
การรักษารากฟัน (Root Canal Treatment)
การรักษารากฟัน เป็นกระบวนการรักษาฟันที่มีปัญหาในเนื้อฟันชั้นในหรือโพรงประสาทฟันที่เกิดการติดเชื้อหรืออักเสบ ซึ่งเกิดจากฟันผุลึก ฟันร้าว หรือบาดเจ็บ โดยทันตแพทย์จะทำการนำเนื้อเยื่อประสาทที่อักเสบหรือเสียออก แล้วทำความสะอาดโพรงรากฟัน ก่อนจะปิดรากฟันและครอบฟันเพื่อให้ฟันสามารถใช้งานได้เหมือนปกติ
ข้อดีของการรักษารากฟัน
- ช่วยรักษาฟันธรรมชาติ: การรักษารากฟันช่วยให้ฟันเดิมสามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องถอนออก
- ค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่า: ค่าใช้จ่ายในการรักษารากฟันต่ำกว่าการทำรากฟันเทียม
- ไม่ต้องพึ่งพาการผ่าตัด: การรักษารากฟันเป็นวิธีการที่ไม่ต้องผ่าตัดหรือฝังรากเทียมใหม่ในกระดูกขากรรไกร
ข้อเสียของการรักษารากฟัน
- ฟันอาจเปราะบางลง: ฟันที่ผ่านการรักษารากฟันอาจเปราะกว่าเดิม เนื่องจากไม่มีเนื้อเยื่อประสาทในฟันแล้ว
- อาจมีอาการปวดหรืออักเสบในอนาคต: หากการรักษาไม่สมบูรณ์ ฟันอาจเกิดการติดเชื้อซ้ำและต้องเข้ารับการรักษาเพิ่มเติม
- อายุการใช้งานสั้นกว่ารากฟันเทียม: ฟันที่รักษารากฟันมีโอกาสแตกหักได้มากกว่ารากฟันเทียมที่ทำจากวัสดุที่แข็งแรง
สรุป
- รากฟันเทียม: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทดแทนฟันที่สูญเสียไปทั้งรากและตัวฟัน เป็นวิธีที่ให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานและมีความแข็งแรง ทนทาน แต่ค่าใช้จ่ายสูงกว่าและต้องใช้เวลารักษานาน
- การรักษารากฟัน: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรักษาฟันธรรมชาติไว้ โดยไม่ต้องถอนออก ใช้ค่าใช้จ่ายน้อยกว่าและขั้นตอนไม่ซับซ้อนเท่ากับการฝังรากฟันเทียม แต่ฟันที่รักษารากฟันอาจมีอายุการใช้งานสั้นกว่าและต้องได้รับการดูแลพิเศษ
ควรปรึกษาทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อพิจารณาว่าการรักษารากฟันหรือการทำรากฟันเทียมเหมาะสมกับสภาพฟันและสุขภาพของคุณ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร. 094-741-9369
เวลาเปิด-ปิด วันจันทร์-เสาร์ เวลา 09.00-19.00 น.
พิกัด: https://goo.gl/maps/qUCfWj9PNAhcPuyr8
บทความอื่นๆ

