จัดฟันเจ็บไหม 10 เรื่องจริงที่คนจัดฟันเหล็กเท่านั้นที่เข้าใจ
จัดฟันเจ็บไหม? 10 เรื่องจริงที่คนจัดฟันเหล็กเท่านั้นที่เข้าใจ

ความฝันที่จะมีรอยยิ้มสวยเรียงตัวอาจต้องแลกมากับความเจ็บปวดบางอย่าง โดยเฉพาะกับ การจัดฟันเหล็ก ที่เป็นที่นิยมมาอย่างยาวนาน หลายคนอาจสงสัยว่า “จัดฟันเจ็บไหม?” คำตอบคือ “เจ็บ...แต่ก็ไม่ได้เจ็บตลอดเวลา” ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องปกติ และเป็นสัญญาณว่าฟันของคุณกำลังเคลื่อนที่เข้าสู่ตำแหน่งที่ถูกต้อง บทความนี้จะพาไปเจาะลึก 10 เรื่องจริงที่คนจัดฟันเหล็กเท่านั้นที่เข้าใจ เพื่อให้คุณเตรียมตัวและรับมือกับความรู้สึกเหล่านั้นได้อย่างมั่นใจ
1. ความรู้สึก “เจ็บ” วันแรก
หลังติดเครื่องมือจัดฟันเสร็จใหม่ ๆ คุณจะรู้สึกปวดตึงและแน่นที่ฟัน เพราะฟันกำลังถูกแรงดึงเพื่อเริ่มการเคลื่อนที่ ความรู้สึกนี้จะคล้ายกับการมีวัตถุแปลกปลอมอยู่ในปาก และจะค่อย ๆ ดีขึ้นใน 2-3 วันแรก
ความเจ็บปวดนี้ไม่ได้เกิดจากบาดแผลหรือความเสียหาย แต่เป็นผลมาจากการที่ เครื่องมือจัดฟันเริ่มออกแรงดึงและกดฟันให้เคลื่อนที่ ไปยังตำแหน่งที่ทันตแพทย์ได้วางแผนไว้ แรงดึงนี้จะไปกระตุ้นเส้นประสาทที่รากฟัน ทำให้เกิดความรู้สึกปวดตึงและแน่นฟันคล้ายกับมีแรงบีบอยู่ตลอดเวลา
ลักษณะของความเจ็บปวด
- ปวดตึงและแน่น: นี่คือความรู้สึกหลักที่คนจัดฟันส่วนใหญ่จะบรรยายถึง มันไม่ใช่ความเจ็บแบบแหลมคม แต่เป็นความรู้สึกเหมือนมีแรงกดดันที่ฟันอย่างต่อเนื่อง
- ปวดเวลาเคี้ยว: การกัดหรือเคี้ยวอาหารจะทำให้ความเจ็บปวดเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ทำให้คุณต้องเลือกกินอาหารอ่อน ๆ ในช่วง 2-3 วันแรก เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม หรือซุป
- รู้สึกเหมือนมีวัตถุแปลกปลอมในปาก: นอกจากความเจ็บแล้ว คุณยังจะรู้สึกว่ามีเครื่องมือแปลกปลอมอยู่ภายในช่องปาก ซึ่งอาจทำให้พูดไม่ถนัดและระคายเคืองกระพุ้งแก้มและลิ้นได้บ้าง
สาเหตุของความเจ็บ
- การปรับตัวของเนื้อเยื่อปริทันต์: ฟันของเราไม่ได้ฝังอยู่กับกระดูกขากรรไกรโดยตรง แต่ถูกยึดไว้ด้วยเส้นใยเล็ก ๆ ที่เรียกว่า "เอ็นยึดฟัน" เมื่อเครื่องมือออกแรงดึง เส้นใยเหล่านี้จะเกิดการยืดตัวและหดตัว ทำให้เกิดความรู้สึกตึงและเจ็บ
- การเปลี่ยนแปลงของกระดูก: แรงที่กระทำต่อฟันจะกระตุ้นให้เกิดการสลายและสร้างกระดูกขึ้นใหม่รอบ ๆ รากฟัน เพื่อให้ฟันสามารถเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่ต้องการได้ กระบวนการนี้เองที่ก่อให้เกิดความรู้สึกเจ็บปวด
- การระคายเคืองจากเครื่องมือ: ตัวแบร็กเก็ต (Bracket) และลวดจัดฟันอาจเสียดสีกับกระพุ้งแก้มและริมฝีปากในวันแรก ๆ ทำให้เกิดแผลร้อนในเล็ก ๆ ซึ่งเป็นอีกสาเหตุหนึ่งของความรู้สึกไม่สบาย
วิธีบรรเทาอาการเจ็บ
- กินยาแก้ปวด: หากรู้สึกปวดมาก สามารถกินยาแก้ปวดที่หาซื้อได้ทั่วไป เช่น พาราเซตามอล (Paracetamol) เพื่อช่วยบรรเทาอาการได้
- ประคบเย็น: การประคบเย็นที่แก้มบริเวณที่ปวด สามารถช่วยลดอาการปวดและลดอาการบวมที่อาจเกิดขึ้นได้
- กินอาหารอ่อน: งดอาหารแข็ง กรอบ หรือเหนียว และเลือกกินอาหารที่เคี้ยวง่ายในช่วง 2-3 วันแรก เพื่อลดแรงกดที่ฟัน
ระยะเวลาของความเจ็บ
ความเจ็บปวดในวันแรกมักจะ ค่อย ๆ ลดลงและหายไปเองภายใน 3-5 วัน เมื่อร่างกายเริ่มปรับตัวเข้ากับเครื่องมือจัดฟันได้แล้ว และเมื่อผ่านช่วงแรกนี้ไป คุณก็จะเริ่มคุ้นชินกับการใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
2. เมื่อฟันเริ่มขยับ
ทุกครั้งที่ไปหาทันตแพทย์เพื่อปรับเครื่องมือจัดฟัน จะเกิดความรู้สึกปวดตึงขึ้นมาอีกครั้ง แต่จะน้อยกว่าครั้งแรกมาก ความเจ็บนี้จะอยู่ประมาณ 1-3 วัน และจะค่อย ๆ หายไปเอง
ความเจ็บปวดนี้จะแตกต่างจากครั้งแรกอย่างชัดเจน มันจะ น้อยกว่าและระยะเวลาสั้นกว่า มาก เพราะฟันและเนื้อเยื่อรอบ ๆ เริ่มปรับตัวได้แล้ว การปรับเครื่องมือแต่ละครั้งคือการที่ทันตแพทย์จะเปลี่ยนลวดให้มีขนาดใหญ่ขึ้น หรือใส่ยางจัดฟันเส้นใหม่ เพื่อเพิ่มแรงดึงให้ฟันเคลื่อนที่ต่อไปยังตำแหน่งที่เหมาะสม
ลักษณะของความเจ็บปวดหลังการปรับเครื่องมือ
- ปวดตึงและแน่น: ความรู้สึกหลักยังคงเป็นการปวดตึงที่ฟัน แต่จะรู้สึกเบากว่าครั้งแรกมาก เป็นสัญญาณว่าฟันกำลังเคลื่อนที่
- ปวดเวลาเคี้ยวอาหาร: คุณยังคงรู้สึกเจ็บเมื่อกัดหรือเคี้ยวอาหารแข็ง ๆ ในช่วง 1-3 วันแรก ทำให้ต้องกลับไปกินอาหารอ่อน ๆ อีกครั้ง
- ระยะเวลาของความเจ็บ: ความเจ็บปวดจะอยู่เพียง ประมาณ 1-3 วัน หลังจากนั้นก็จะค่อย ๆ ดีขึ้นและหายไปเอง
สาเหตุของความเจ็บ
- การเพิ่มแรงดึง: ทันตแพทย์จะเปลี่ยนลวดและยางจัดฟันเพื่อเพิ่มแรงดึงให้ฟันเคลื่อนที่ต่อเนื่องไปตามแผนการรักษา แรงดึงที่เพิ่มขึ้นนี้เองที่ไปกระตุ้นเส้นประสาทที่รากฟัน ทำให้เกิดความรู้สึกเจ็บปวด
- การเคลื่อนที่ของฟัน: ฟันต้องใช้แรงดึงเพื่อเคลื่อนที่ผ่านกระดูกขากรรไกร ทำให้เกิดการสลายและสร้างกระดูกขึ้นใหม่รอบ ๆ รากฟัน ซึ่งเป็นกระบวนการปกติของการจัดฟันและเป็นสาเหตุของความเจ็บปวด
วิธีบรรเทาอาการ
- กินอาหารอ่อน: งดอาหารแข็งหรือเหนียวทันทีหลังการปรับเครื่องมือ เลือกกินอาหารที่เคี้ยวง่ายเพื่อลดแรงกดที่ฟัน
- กินยาแก้ปวด: หากรู้สึกปวดมาก สามารถกินยาพาราเซตามอลเพื่อช่วยบรรเทาอาการได้
- ประคบเย็น: ใช้การประคบเย็นที่แก้มบริเวณที่ปวดเพื่อช่วยลดความรู้สึกไม่สบาย
การทำความเข้าใจว่าความเจ็บปวดหลังการปรับเครื่องมือเป็นเพียงเรื่องชั่วคราวและเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการรักษาจะช่วยให้คุณรับมือกับมันได้ดีขึ้น
3. เรื่องของแผลในช่องปาก
เมื่อเครื่องมือจัดฟันเบียดกับกระพุ้งแก้มและริมฝีปากในช่วงแรก อาจทำให้เกิดแผลร้อนในหรือแผลจากการเสียดสีได้ง่าย ขี้ผึ้งสำหรับจัดฟัน หรือ Wax คือผู้ช่วยชีวิตที่ดีที่สุดในสถานการณ์นี้ เพียงปั้นเป็นก้อนเล็ก ๆ แล้วแปะทับจุดที่บาด ก็จะช่วยลดการเสียดสีได้
ในวันแรกที่ติดเครื่องมือจัดฟัน ช่องปากของคุณจะยังไม่คุ้นชินกับเครื่องมือแปลกปลอมที่อยู่ข้างใน แบร็กเก็ต (Bracket) ที่เป็นก้อนโลหะ และ ลวดจัดฟัน ที่มีปลายแหลม อาจไปขูดและทิ่มกับเนื้อเยื่อ ทำให้เกิดอาการระคายเคืองและบาดเจ็บตามมาได้ง่าย
ลักษณะของแผลในช่องปาก
- แผลร้อนใน: เกิดจากการเสียดสีซ้ำ ๆ บริเวณเดิม จนเกิดเป็นแผลกลม ๆ สีขาวหรือสีเหลือง มีอาการเจ็บและแสบเมื่อสัมผัส
- รอยแดงหรือรอยช้ำ: เกิดจากแรงกดของเครื่องมือจัดฟันที่กดทับเนื้อเยื่ออย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่ถึงขั้นเป็นแผลเปิด
สาเหตุหลักของการเกิดแผล
- การปรับตัวของเนื้อเยื่อ: ช่องปากของเราใช้เวลาในการปรับตัวให้ชินกับเครื่องมือจัดฟัน ซึ่งในช่วงแรกอาจมีการบวมและระคายเคืองเป็นเรื่องปกติ
- ปลายลวดทิ่ม: ในบางครั้ง ปลายลวดจัดฟันอาจยาวเกินไปหรือเบี้ยวจนทิ่มกระพุ้งแก้ม ทำให้เกิดบาดแผลที่เจ็บปวดอย่างมาก
วิธีแก้ไขและป้องกันแผลในช่องปาก
ขี้ผึ้งสำหรับจัดฟัน (Orthodontic Wax) คือตัวช่วยที่ดีที่สุดในการจัดการกับปัญหานี้
- ทำความสะอาดและทำให้แห้ง: ก่อนใช้ ให้แปรงฟันและบ้วนปากให้สะอาด จากนั้นใช้สำลีหรือกระดาษทิชชูซับน้ำลายบริเวณที่จะแปะให้แห้งสนิท
- ปั้นเป็นก้อนเล็ก ๆ: หยิบขี้ผึ้งออกมาในปริมาณที่พอเหมาะ จากนั้นปั้นเป็นก้อนกลม ๆ เล็ก ๆ
- แปะทับจุดที่บาด: กดขี้ผึ้งลงบนแบร็กเก็ตหรือปลายลวดที่ทิ่มกระพุ้งแก้มอย่างเบามือ ขี้ผึ้งจะช่วยสร้างชั้นป้องกันไม่ให้เหล็กสัมผัสกับเนื้อเยื่อได้โดยตรง
นอกจากนี้ การบ้วนปากด้วยน้ำเกลืออุ่น ๆ วันละ 2-3 ครั้ง ก็ช่วยลดการอักเสบและช่วยให้แผลหายเร็วขึ้นได้
แผลในช่องปากเป็นเพียงปัญหาชั่วคราวที่เกิดขึ้นในช่วงแรกของการจัดฟัน เมื่อเนื้อเยื่อของคุณเริ่มปรับตัวได้แล้ว แผลเหล่านี้ก็จะลดลงและหายไปเอง แต่ถ้าหากแผลมีขนาดใหญ่ขึ้น หรือปลายลวดยาวทิ่มจนรู้สึกเจ็บปวดมาก ควรติดต่อทันตแพทย์เพื่อขอคำแนะนำหรือนัดเข้าไปแก้ไขโดยเร็วที่สุด
4. การกินอาหารที่ต้องปรับตัว
ช่วงแรกของการจัดฟันและหลังจากการปรับเครื่องมือแต่ละครั้ง การเคี้ยวอาหาร จะกลายเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมาก เพราะฟันของคุณกำลังเคลื่อนที่และมีความรู้สึกเจ็บปวดตึง ๆ อยู่ตลอดเวลา การเลือกกินอาหารที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดความเจ็บและทำให้การใช้ชีวิตง่ายขึ้น
ทำไมถึงเคี้ยวอาหารลำบาก?
- ฟันปวดและตึง: แรงดึงจากลวดและเครื่องมือจัดฟันทำให้ฟันมีความรู้สึกเจ็บปวดและไวต่อแรงกด เมื่อกัดหรือเคี้ยวอาหารแข็ง ๆ จะทำให้รู้สึกเจ็บมากขึ้น
- เครื่องมือเกะกะ: ในช่วงแรก ลิ้นและแก้มอาจยังไม่คุ้นชินกับแบร็กเก็ตและลวด ทำให้รู้สึกไม่สบายและขัดขวางการเคี้ยว
- ความเสี่ยงที่เครื่องมือจะหลุด: การเคี้ยวอาหารที่แข็งหรือเหนียวเกินไป เช่น น้ำแข็ง ถั่ว หรือหมากฝรั่ง อาจทำให้แบร็กเก็ตหลุดหรือลวดเบี้ยวได้
เมนูที่ควรเลือกกิน
ในช่วง 1-3 วันแรกหลังติดเครื่องมือหรือปรับเครื่องมือ ควรเลือกกินอาหารที่นิ่มและเคี้ยวง่ายเป็นหลัก เพื่อลดแรงกดที่ฟัน:
- อาหารอ่อน: โจ๊ก ข้าวต้ม ข้าวสวยนุ่ม ๆ ไข่เจียว
- ซุปและแกงจืด: ซุปผัก ซุปไก่ แกงจืดเต้าหู้
- อาหารบด: มันบด ฟักทองบด
- โปรตีนนิ่ม: ปลาต้ม ปลานึ่ง เนื้อไก่ที่ต้มจนนุ่ม
- ผลไม้นิ่ม: กล้วย มะละกอ แตงโม
- ขนม: พุดดิ้ง เจลลี่ ไอศกรีม (แบบไม่มีถั่วหรือของแข็ง)
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
เพื่อให้การจัดฟันเป็นไปอย่างราบรื่นและลดความเสียหายของเครื่องมือ ควรหลีกเลี่ยงอาหารเหล่านี้:
- อาหารแข็งและกรอบ: น้ำแข็ง ถั่ว ข้าวโพดคั่ว ขนมกรุบกรอบ
- อาหารที่ต้องใช้แรงกัด: แอปเปิลทั้งลูก ฝรั่ง หรือแครอทดิบ
- อาหารที่เหนียว: ลูกอมเหนียว คาราเมล ทอฟฟี่ หมากฝรั่ง
เมื่อเวลาผ่านไป ความเจ็บปวดจากการจัดฟันจะลดลง และคุณจะเริ่มกลับมากินอาหารได้ตามปกติ แต่ก็ยังควรตัดอาหารชิ้นใหญ่ให้เล็กลงเสมอ และหลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารแข็ง ๆ เพื่อป้องกันเครื่องมือเสียหาย
5. ไหมขัดฟันที่ไม่เหมือนเดิม
เมื่อคุณเริ่มจัดฟัน การดูแลสุขภาพช่องปากจะซับซ้อนขึ้นหลายเท่าตัว การแปรงฟันอย่างเดียวไม่เพียงพอ เพราะเศษอาหารและคราบพลัคจะเข้าไปติดอยู่ตามซอกฟัน ใต้ลวด และรอบ ๆ แบร็กเก็ต การใช้ ไหมขัดฟัน จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง แต่ไหมขัดฟันแบบเดิมอาจไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป
ทำไมไหมขัดฟันธรรมดาถึงใช้ไม่ได้ผล?
ไหมขัดฟันทั่วไปถูกออกแบบมาเพื่อสอดผ่านซี่ฟันที่ไม่มีสิ่งกีดขวาง แต่เมื่อมีลวดจัดฟันพาดผ่านหน้าฟัน คุณจะไม่สามารถสอดไหมขัดฟันลงไปได้ ทำให้การทำความสะอาดซอกฟันเป็นไปอย่างยากลำบากและไม่ทั่วถึง
อุปกรณ์ทำความสะอาดฟันสำหรับคนจัดฟัน
เพื่อให้การทำความสะอาดมีประสิทธิภาพ คุณจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ:
1.ไหมขัดฟันสำหรับคนจัดฟัน (Superfloss) นี่คืออุปกรณ์ที่คนจัดฟันต้องมี ลักษณะเด่นคือมี 3 ส่วนในเส้นเดียว:
- ส่วนปลายแข็ง: เป็นส่วนที่แข็งและบางคล้ายเส้นเอ็น ใช้สำหรับสอดนำไหมเข้าไปใต้ลวดจัดฟันได้อย่างง่ายดาย
- ส่วนฟองน้ำหนา: เป็นส่วนที่หนาและนุ่ม ใช้สำหรับทำความสะอาดรอบ ๆ แบร็กเก็ตและซี่ฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ส่วนไหมขัดฟันปกติ: ใช้สำหรับทำความสะอาดซอกฟันตามปกติ
2.วิธีใช้:
- สอดส่วนปลายแข็งเข้าไปใต้ลวดจัดฟัน
- ดึงไหมขัดฟันส่วนฟองน้ำให้ผ่านเข้ามา
- ใช้ส่วนฟองน้ำทำความสะอาดรอบ ๆ เครื่องมือและผิวฟัน
- ใช้ส่วนไหมขัดฟันปกติทำความสะอาดซอกฟัน
3.แปรงซอกฟัน (Interdental Brush) แปรงซอกฟันมีลักษณะคล้ายแปรงล้างขวดขนาดเล็ก มีหลายขนาดให้เลือกตามขนาดช่องว่างระหว่างซอกฟันของคุณ
วิธีใช้:
- สอดแปรงเข้าไปในช่องว่างระหว่างซี่ฟัน
- ขัดทำความสะอาดซอกฟันและพื้นที่ใต้ลวดจัดฟัน
นอกจากสองอุปกรณ์นี้แล้ว เครื่องฉีดน้ำทำความสะอาดฟัน (Water Flosser) ก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ดีเยี่ยม สามารถใช้ฉีดน้ำแรงดันสูงเพื่อกำจัดเศษอาหารที่ติดอยู่ตามเครื่องมือและซอกฟันได้ดี แต่ไม่สามารถแทนที่การใช้ไหมขัดฟันได้ทั้งหมด
การใช้ไหมขัดฟันและแปรงซอกฟันอย่างสม่ำเสมอจะช่วยลดการสะสมของคราบพลัค ลดความเสี่ยงในการเกิดฟันผุและโรคเหงือก และยังช่วยให้สุขภาพช่องปากของคุณแข็งแรงตลอดการจัดฟัน
6. การแปรงฟันที่ต้องใช้ความอดทน
การแปรงฟันสำหรับคนจัดฟันไม่ใช่แค่การทำความสะอาดธรรมดา แต่คือการลงทุนในเวลาและความอดทนเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เพราะเครื่องมือจัดฟันที่ติดอยู่บนผิวฟันเป็นแหล่งสะสมเศษอาหารและคราบพลัคชั้นดี หากแปรงไม่สะอาดพอ อาจนำไปสู่ปัญหาใหญ่ เช่น ฟันผุและโรคเหงือกได้
ทำไมถึงต้องใช้เวลาและความอดทนมากขึ้น?
- พื้นที่ทำความสะอาดเพิ่มขึ้น: คุณต้องทำความสะอาดผิวฟันทุกซี่ รวมถึงรอบ ๆ แบร็กเก็ต, ใต้ลวด, และตามซอกฟันที่ซับซ้อนกว่าเดิม
- เครื่องมือเป็นสิ่งกีดขวาง: ลวดและแบร็กเก็ตเป็นอุปสรรคในการเข้าถึงผิวฟันบางส่วน ทำให้ต้องใช้เทคนิคและอุปกรณ์พิเศษในการทำความสะอาด
- เศษอาหารติดง่าย: อาหารประเภทเส้น ผัก หรือเนื้อสัตว์มักจะเข้าไปติดอยู่ตามเครื่องมือได้ง่าย และต้องใช้ความพยายามในการนำออก
อุปกรณ์ที่ควรใช้
- แปรงสีฟันสำหรับคนจัดฟัน: หัวแปรงมีร่องตรงกลางเพื่อล็อกกับแบร็กเก็ต ทำให้ขนแปรงสัมผัสกับผิวฟันได้อย่างเต็มที่
- แปรงซอกฟัน: ใช้สำหรับทำความสะอาดซอกฟันและบริเวณใต้ลวดโดยเฉพาะ
- ไหมขัดฟันสำหรับคนจัดฟัน: ใช้สำหรับสอดใต้ลวดและทำความสะอาดซอกฟันให้ทั่วถึง
ขั้นตอนการแปรงฟันอย่างละเอียด
- แปรงที่แนวเหงือก: วางแปรงทำมุม 45 องศาที่แนวเหงือก ทำความสะอาดทีละซี่อย่างเบามือ
- แปรงด้านบนของเครื่องมือ: วางแปรงให้ขนแปรงอยู่เหนือแบร็กเก็ต และปัดลงด้านล่างเพื่อทำความสะอาดเศษอาหาร
- แปรงด้านล่างของเครื่องมือ: วางแปรงให้ขนแปรงอยู่ใต้แบร็กเก็ต และปัดขึ้นด้านบนเพื่อทำความสะอาด
- ใช้แปรงซอกฟัน: สอดแปรงเข้าไปในช่องว่างระหว่างซี่ฟันและใต้ลวดเพื่อทำความสะอาด
- ใช้ไหมขัดฟัน: สอดไหมเข้าไปใต้ลวดและทำความสะอาดซอกฟันให้ทั่วถึงทุกซี่
- แปรงฟันด้านในและด้านบดเคี้ยว: แปรงฟันด้านในของฟันทุกซี่ และอย่าลืมแปรงด้านบนของฟันกรามที่ใช้บดเคี้ยวอาหารด้วย
การแปรงฟันควรใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 นาทีในแต่ละครั้ง และควรทำอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง หรือทุกครั้งหลังมื้ออาหาร หากทำตามขั้นตอนเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ คุณจะสามารถรักษาสุขภาพช่องปากให้แข็งแรง และป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการจัดฟันได้อย่างแน่นอน
7. เมื่อลวดหลุดหรือเบี้ยว
แม้ว่าจะดูแลรักษาอย่างดีแล้ว แต่บางครั้งอุบัติเหตุเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็สามารถเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะกับ ลวดจัดฟันที่หลุดหรือเบี้ยว ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความกังวลใจและรู้สึกเจ็บปวดให้กับคนจัดฟันได้
สาเหตุที่ทำให้ลวดหลุดหรือเบี้ยว
- การกินอาหารแข็ง: นี่คือสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด การเผลอเคี้ยวอาหารที่แข็งหรือเหนียว เช่น น้ำแข็ง ถั่ว หรือขนมกรุบกรอบ สามารถทำให้ลวดเบี้ยวหรือหลุดออกจากแบร็กเก็ตได้
- อุบัติเหตุ: การกระทบกระเทือนที่ใบหน้าจากอุบัติเหตุเล็กน้อย เช่น การล้มหรือการเล่นกีฬา ก็อาจทำให้เครื่องมือจัดฟันเสียหายได้
- แรงดึงที่มากเกินไป: ในบางกรณี ลวดอาจถูกดึงตึงมากเกินไปในระหว่างการปรับเครื่องมือ ทำให้มีโอกาสที่จะหลุดจากตำแหน่งได้ง่าย
ผลกระทบที่เกิดขึ้นเมื่อลวดหลุดหรือเบี้ยว
- ความเจ็บปวดและระคายเคือง: ปลายลวดที่หลุดหรือเบี้ยวจะทิ่มกับกระพุ้งแก้มหรือเหงือก ทำให้เกิดแผลในช่องปากที่เจ็บปวดอย่างมาก
- การเคลื่อนที่ของฟันผิดปกติ: เมื่อลวดหลุดหรือเบี้ยว แรงที่ดึงฟันจะผิดทิศทาง ทำให้การจัดฟันหยุดชะงักหรือแย่กว่านั้นคือฟันอาจจะเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่ไม่ถูกต้อง
สิ่งที่ควรทำเมื่อเกิดเหตุการณ์นี้
- ประเมินสถานการณ์: สังเกตว่าลวดหลุดหรือเบี้ยวจากจุดไหน และมีปลายลวดที่ทิ่มกระพุ้งแก้มหรือไม่
- ใช้ขี้ผึ้งสำหรับจัดฟัน (Wax): นี่คือตัวช่วยที่ดีที่สุดในสถานการณ์ฉุกเฉิน หากมีปลายลวดที่ทิ่มเนื้อเยื่อ ให้ใช้ขี้ผึ้งปั้นเป็นก้อนแล้วแปะทับปลายลวดนั้นไว้ เพื่อป้องกันการระคายเคือง
- ติดต่อทันตแพทย์ทันที: เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้แล้ว ควรโทรศัพท์แจ้งทันตแพทย์โดยเร็วที่สุด เพื่อขอคำแนะนำและนัดหมายเพื่อเข้าไปแก้ไข ไม่ควรพยายามแก้ไขด้วยตัวเอง เพราะอาจทำให้เครื่องมือเสียหายมากขึ้น
- ห้ามดึงหรือตัดลวดเอง: การพยายามดึงหรือตัดลวดเองอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บรุนแรง หรือทำให้เครื่องมือเสียหายจนไม่สามารถซ่อมแซมได้
8. ยิ้มอย่างระมัดระวัง
หนึ่งในความท้าทายทางด้านจิตใจของการจัดฟันเหล็กคือความกังวลในการยิ้ม หลายคนอาจรู้สึกไม่มั่นใจและเลือกที่จะ ยิ้มอย่างระมัดระวัง หรือเอามือปิดปากในบางสถานการณ์ เพราะกลัวว่าคนอื่นจะเห็นเศษอาหารที่ติดอยู่บนเครื่องมือจัดฟัน
ความกังวลที่เกิดขึ้น
- เศษอาหารที่มองเห็นได้: แบร็กเก็ตและลวดจัดฟันเป็นกับดักชั้นดีสำหรับเศษอาหาร ทำให้เศษอาหารติดง่ายและมองเห็นได้ชัดเจนเมื่อคุณยิ้มหรือพูด
- ความรู้สึกไม่คุ้นชิน: ในช่วงแรก การมีเหล็กจัดฟันอยู่ในปากทำให้รู้สึกไม่เป็นธรรมชาติและอาจทำให้การยิ้มดูเกร็ง ๆ
- ภาพลักษณ์: หลายคนกังวลว่าเครื่องมือจัดฟันจะทำให้บุคลิกภาพดูไม่ดี หรือกลัวว่าคนอื่นจะมองว่าไม่สะอาด
เมื่อเวลาผ่านไป...
ความรู้สึกเหล่านี้เป็นเพียงแค่ ช่วงแรกของการปรับตัว เท่านั้น เมื่อเวลาผ่านไป คุณจะเริ่มคุ้นชินกับเครื่องมือจัดฟันมากขึ้น และความกังวลก็จะค่อย ๆ ลดลงไปเอง
- กลายเป็นเรื่องปกติ: เมื่อคุณเข้าสู่กระบวนการจัดฟันไปสักพัก เหล็กจัดฟันจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายคุณ และคุณจะเริ่มไม่สนใจมันอีกต่อไป
- ความมั่นใจจะกลับมา: เมื่อคุณเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงของฟันที่เรียงตัวสวยขึ้นเรื่อย ๆ คุณจะรู้สึกภูมิใจในรอยยิ้มของคุณมากขึ้น และความมั่นใจก็จะกลับมาอย่างเต็มที่
- การดูแลที่ง่ายขึ้น: คุณจะเริ่มมีเทคนิคในการทำความสะอาดฟันที่ดีขึ้น และรู้ว่าจะต้องทำอย่างไรเพื่อหลีกเลี่ยงเศษอาหารติดฟัน
เคล็ดลับสร้างความมั่นใจในการยิ้ม
- พกชุดทำความสะอาดฟันขนาดพกพา: พกแปรงสีฟันขนาดเล็กและไหมขัดฟันติดตัวไว้เสมอ เพื่อให้สามารถทำความสะอาดฟันได้ทันทีหลังมื้ออาหาร
- บ้วนปากหลังกินอาหาร: การบ้วนปากด้วยน้ำเปล่าอย่างแรงหลังกินอาหารจะช่วยกำจัดเศษอาหารชิ้นใหญ่ ๆ ที่ติดอยู่ได้
- ยิ้มให้เป็นธรรมชาติ: การยิ้มและพูดคุยอย่างมั่นใจจะช่วยลดความกังวลลงได้มาก เพราะสุดท้ายแล้ว ผู้คนจะจดจำรอยยิ้มที่สดใสของคุณได้มากกว่าเครื่องมือจัดฟัน
9. การอดทนรอคอยผลลัพธ์
การจัดฟันไม่ใช่การรักษาที่จบลงภายในเวลาสั้น ๆ แต่คือ การเดินทางที่ต้องใช้เวลาและความอดทน อย่างน้อย 1-3 ปี ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของแต่ละบุคคล การอดทนรอคอยผลลัพธ์จึงเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะกำหนดความสำเร็จของการรักษา
ทำไมถึงต้องใช้ความอดทน?
- การเคลื่อนที่ของฟันต้องใช้เวลา: ฟันจะเคลื่อนที่ได้เพียง เดือนละประมาณ 1 มิลลิเมตร โดยเป็นการเคลื่อนที่แบบค่อยเป็นค่อยไป แรงที่ใช้ในการดึงฟันนั้นต้องมีความเหมาะสม ไม่มากเกินไปจนทำให้เกิดความเสียหายต่อรากฟันและกระดูก
- การปรับตัวของร่างกาย: ฟัน เหงือก และกระดูกขากรรไกรต้องใช้เวลาในการปรับตัวให้เข้ากับตำแหน่งใหม่
- ปัญหาที่อาจเกิดขึ้น: ระหว่างการรักษาอาจมีปัญหาไม่คาดคิดเกิดขึ้น เช่น ฟันไม่เคลื่อนที่ตามแผน หรือเครื่องมือจัดฟันเสียหาย ทำให้ต้องใช้เวลาในการแก้ไข
วินัยที่สำคัญในการรอคอยผลลัพธ์
ความอดทนอย่างเดียวอาจไม่พอ คุณต้องมี วินัย ในการดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอ:
- มาพบทันตแพทย์ตามนัด: การมาพบทันตแพทย์ตามนัดหมายอย่างเคร่งครัดเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะทันตแพทย์จะทำการปรับเครื่องมือและประเมินผลการรักษาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ฟันเคลื่อนที่ไปตามแผนที่วางไว้
- ดูแลสุขภาพช่องปากอย่างดี: แปรงฟันอย่างถูกวิธี ใช้ไหมขัดฟันและแปรงซอกฟันทุกวัน เพื่อป้องกันฟันผุและโรคเหงือกที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการรักษา หากมีปัญหาเหล่านี้ การรักษาจะต้องหยุดชะงักลงเพื่อทำการรักษาปัญหาเฉพาะหน้าก่อน
- หลีกเลี่ยงอาหารต้องห้าม: การงดอาหารแข็ง เหนียว หรือกรอบ จะช่วยป้องกันไม่ให้เครื่องมือจัดฟันเสียหาย ทำให้การรักษาดำเนินไปได้อย่างราบรื่นและไม่สะดุด
รางวัลที่คุ้มค่า
เมื่อเวลาผ่านไป คุณจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ ในแต่ละเดือน จนกระทั่งวันสุดท้ายที่ถอดเครื่องมือจัดฟันออก รอยยิ้มที่สวยงามและมั่นใจ จะเป็นรางวัลที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับการลงทุนในความอดทนและวินัยของคุณ
10. ความคุ้มค่าที่มากกว่าความเจ็บ
1. รอยยิ้มที่สวยงามและมั่นใจ 😃 นี่คือเป้าหมายหลักของการจัดฟัน เมื่อฟันของคุณเรียงตัวอย่างเป็นระเบียบและสวยงาม คุณจะรู้สึกมั่นใจที่จะยิ้มและพูดคุยในทุกสถานการณ์ ความมั่นใจที่เพิ่มขึ้นนี้จะส่งผลดีต่อบุคลิกภาพและการเข้าสังคมของคุณ .
2. สุขภาพช่องปากที่ดีขึ้น การจัดฟันไม่ได้เป็นแค่เรื่องของความสวยงามเท่านั้น แต่ยังช่วยปรับปรุงสุขภาพช่องปากโดยรวมอีกด้วย เมื่อฟันเรียงตัวกันอย่างเหมาะสม การทำความสะอาดก็จะง่ายขึ้น ทำให้สามารถลดความเสี่ยงในการเกิดฟันผุและโรคเหงือกได้ในระยะยาว
3. การทำงานของฟันที่ดีขึ้น ฟันที่เรียงตัวไม่เป็นระเบียบอาจส่งผลต่อการบดเคี้ยวอาหาร ทำให้เกิดปัญหาในระบบทางเดินอาหารได้ เมื่อจัดฟันแล้ว การทำงานของฟันก็จะดีขึ้น ช่วยให้การบดเคี้ยวมีประสิทธิภาพมากขึ้นและลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
เรายินดีที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการเดินทางสู่รอยยิ้มที่มั่นใจของคุณ ที่
เพ็ชราคลินิก เราเข้าใจทุกความรู้สึกที่คนจัดฟันต้องเจอ ไม่ว่าจะเป็นความกังวลเรื่องความเจ็บปวด แผลในช่องปาก หรือการดูแลความสะอาดที่ยุ่งยาก
จาก 10 เรื่องจริงที่คนจัดฟันเหล็กเท่านั้นที่เข้าใจ เราพร้อมที่จะดูแลคุณในทุกขั้นตอน:
- ความเจ็บปวด: ทีมทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะวางแผนการรักษาอย่างละเอียด เพื่อใช้แรงดึงที่เหมาะสม ทำให้ฟันเคลื่อนที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดความเจ็บปวดให้น้อยที่สุด
- แผลในช่องปาก: เราจะให้คำแนะนำในการดูแลตัวเองอย่างใกล้ชิด
- การดูแลความสะอาด: เราจะสอนวิธีแปรงฟันที่ถูกต้องและแนะนำอุปกรณ์ที่เหมาะสม เช่น ไหมขัดฟันสำหรับคนจัดฟัน (Superfloss) เพื่อให้คุณดูแลสุขภาพช่องปากได้อย่างมั่นใจตลอดการรักษา
เพราะที่เพ็ชราคลินิก เราเชื่อว่าการจัดฟันไม่ใช่แค่การทำให้ฟันเรียงสวย แต่คือการสร้างรอยยิ้มใหม่ที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร. 094-741-9369
เวลาเปิด-ปิด วันจันทร์-เสาร์ เวลา 09.00-19.00 น.
พิกัด: https://goo.gl/maps/qUCfWj9PNAhcPuyr8