การจัดฟันแบบเหล็กยังคงเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นเทคนิคที่ได้ผลลัพธ์ดี มีความแม่นยำสูง และสามารถแก้ไขปัญหาการเรียงตัวของฟันที่ซับซ้อนได้หลายรูปแบบ สำหรับผู้ที่กำลังพิจารณาจัดฟันแต่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหน บทความนี้จะเจาะลึกทุกรายละเอียดเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการจัดฟันแบบเหล็ก เพื่อให้คุณสามารถเตรียมงบประมาณและตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ

จัดฟันแบบเหล็ก ราคาเท่าไหร่?

ค่าใช้จ่ายในการจัดฟันแบบเหล็กโดยทั่วไปจะเริ่มต้นที่ประมาณ 35,000 - 60,000 บาท หรือบางคลินิกอาจมีราคาที่สูงกว่านี้ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น

1. ความซับซ้อนของเคส: ปัญหาฟันที่ซับซ้อน เช่น ฟันซ้อนเกมาก ฟันห่างมาก หรือมีปัญหาการสบฟันที่ผิดปกติ อาจใช้เวลาในการรักษานานขึ้นและมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าเคสปกติ
2. ชื่อเสียงและทำเลที่ตั้งของคลินิก: คลินิกในตัวเมืองใหญ่หรือคลินิกที่มีชื่อเสียง อาจมีค่าบริการสูงกว่าคลินิกทั่วไป
3. ประเภทของเครื่องมือ: แม้จะเป็นการจัดฟันแบบเหล็กเหมือนกัน แต่ก็มีเครื่องมือที่แตกต่างกัน เช่น

• จัดฟันแบบเหล็กธรรมดา (Traditional Braces): เป็นลวดและยางรัดสีที่ต้องมาเปลี่ยนทุกเดือน
• จัดฟันแบบ Damon หรือ Self-Ligating Braces: เป็นเครื่องมือที่ไม่ต้องใช้ยางรัด มีกลไกที่ช่วยให้ฟันเคลื่อนที่ได้เร็วกว่าและเจ็บน้อยกว่า โดยทั่วไปจะมีราคาสูงกว่าแบบปกติ

รวมค่าใช้จ่ายที่ควรรู้ก่อนจัดฟัน

นอกจากค่าจัดฟันหลักแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ควรนำมาพิจารณาและวางแผนงบประมาณไว้ล่วงหน้า ดังนี้

1.ค่าเคลียร์ช่องปาก (ประมาณ 3,000 - 8,000 บาท)

• เป็นขั้นตอนที่จำเป็นและสำคัญที่สุดก่อนการติดเครื่องมือจัดฟัน
• ประกอบด้วย:
• ค่าตรวจและปรึกษาเบื้องต้น: ทันตแพทย์จะประเมินสุขภาพช่องปากและความเหมาะสมในการจัดฟัน
• ค่าขูดหินปูน: เพื่อทำความสะอาดช่องปากและกำจัดคราบหินปูน
• ค่าอุดฟัน: อุดฟันผุให้เรียบร้อยก่อนจัดฟัน
• ค่าถอนฟัน: ในบางเคสที่ฟันซ้อนเกหรือไม่มีพื้นที่เพียงพอในการเรียงฟัน
• ค่าผ่าฟันคุด: ฟันคุดที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการจัดฟัน ควรผ่าออกก่อน
• ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ขึ้นอยู่กับสภาพช่องปากของแต่ละบุคคล หากสุขภาพฟันดีอยู่แล้ว ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ก็จะน้อยลง

2.ค่าเครื่องมือและวัสดุ (อยู่ในแพ็กเกจจัดฟัน)

• ครอบคลุมค่าเครื่องมือจัดฟันทั้งหมดตลอดการรักษา ทั้งเหล็กจัดฟัน, ลวด, และยางรัดฟัน

3.ค่าอุปกรณ์และเครื่องมือพิเศษ

• ค่า X-ray และพิมพ์ปาก (ประมาณ 1,000 - 3,000 บาท): เพื่อให้ทันตแพทย์เห็นโครงสร้างกระดูกขากรรไกรและรากฟัน และใช้ในการวางแผนการรักษาที่แม่นยำ
• ค่าติดเครื่องมือจัดฟัน: บางคลินิกอาจคิดรวมในราคาจัดฟัน แต่บางที่อาจแยกเป็นค่าบริการในครั้งแรก
• ค่าเครื่องมือพิเศษ: เช่น เครื่องมือขยายเพดานปาก (Expander), หมุดจัดฟัน (Micro Implant หรือ Mini Screw) หรืออุปกรณ์ช่วยอื่นๆ ในบางกรณีที่จำเป็น ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

4.ค่าบริการรายเดือน (ประมาณ 1,000 - 2,000 บาทต่อเดือน)

• เป็นค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายทุกครั้งที่เข้าพบทันตแพทย์เพื่อปรับลวดและเปลี่ยนยางจัดฟัน
• ระยะเวลาในการจ่ายจะขึ้นอยู่กับระยะเวลาการรักษาทั้งหมด โดยปกติจะอยู่ที่ 1.5 - 3 ปี

5.ค่ารีเทนเนอร์ (Retainer) (ประมาณ 3,000 - 5,000 บาท)

• หลังจากถอดเครื่องมือจัดฟันแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือการใส่รีเทนเนอร์ เพื่อคงสภาพฟันให้อยู่ในตำแหน่งที่จัดเสร็จแล้ว
• หากไม่ใส่รีเทนเนอร์ ฟันมีโอกาสเคลื่อนที่กลับไปสู่ตำแหน่งเดิมได้
• ค่ารีเทนเนอร์ส่วนใหญ่จะไม่รวมอยู่ในแพ็กเกจจัดฟันหลัก

6.สรุปการวางแผนค่าใช้จ่าย

เพื่อให้คุณเห็นภาพรวมทั้งหมด ลองคำนวณงบประมาณเบื้องต้นตามตัวอย่างดังนี้:

• ค่าเคลียร์ช่องปาก: 5,000 บาท
• ค่าจัดฟัน (แพ็กเกจ): 40,000 บาท
• ค่าผ่อนชำระรายเดือน: 1,500 บาท x 24 เดือน = 36,000 บาท
• ค่ารีเทนเนอร์: 4,000 บาท

รวมค่าใช้จ่ายโดยประมาณตลอดการรักษา: 5,000 + 40,000 + 4,000 = 49,000 บาท (สำหรับแพ็กเกจที่ชำระ)

 (หมายเหตุ: ตัวอย่างข้างต้นเป็นการคำนวณเบื้องต้นเพื่อประกอบการพิจารณา ราคาจริงขึ้นอยู่กับคลินิกและปัญหาฟันของแต่ละบุคคล)

คำแนะนำเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจจัดฟัน

• ปรึกษาทันตแพทย์หลายๆ ที่: เพื่อเปรียบเทียบราคา, เทคนิคการรักษา, และความน่าเชื่อถือของคลินิก
• สอบถามรายละเอียดค่าใช้จ่ายให้ชัดเจน: ตรวจสอบว่าราคาแพ็กเกจครอบคลุมค่าอะไรบ้าง และมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอะไรอีกหรือไม่
• เลือกคลินิกที่เดินทางสะดวก: เนื่องจากต้องเข้าพบทันตแพทย์อย่างสม่ำเสมอเป็นระยะเวลานาน

การจัดฟันเป็นการลงทุนระยะยาวที่ต้องอาศัยวินัยและการดูแลอย่างต่อเนื่อง การศึกษาข้อมูลและเตรียมความพร้อมด้านงบประมาณอย่างรอบด้าน จะช่วยให้คุณมั่นใจและได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่าที่สุดอย่างแน่นอน