รอยยิ้มที่สวยงามไม่ได้ขึ้นอยู่กับฟันที่เรียงตัวสวยเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการสบกันของฟันที่ดีด้วย ปัญหาฟันงุ้ม หรือที่เรียกอย่างเป็นทางการว่า "ฟันสบลึก" (Deep Bite) เป็นหนึ่งในปัญหาการสบฟันที่พบได้บ่อย แต่หลายคนอาจไม่รู้ตัวจนกระทั่งปัญหาเริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพช่องปากและใบหน้า บทความนี้จะเจาะลึกว่าฟันงุ้มคืออะไร, สาเหตุเกิดจากอะไร, และการจัดฟันสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างไรบ้าง

ฟันงุ้ม (ฟันสบลึก) คืออะไร?

ฟันงุ้ม หรือ ฟันสบลึก คือ ภาวะที่ฟันหน้าบนลงมาคร่อมฟันหน้าล่างมากเกินไปในแนวตั้ง เมื่อสบฟันแล้วจะมองไม่เห็นฟันหน้าล่าง หรือเห็นเพียงเล็กน้อย ซึ่งแตกต่างจากการสบฟันปกติที่ฟันหน้าบนจะคร่อมฟันหน้าล่างเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ในภาวะปกติ เมื่อเรากัดฟัน ฟันหน้าบนควรจะคร่อมฟันหน้าล่างเพียงเล็กน้อย โดยจะเห็นส่วนปลายของฟันหน้าล่างได้ประมาณ 1-3 มิลลิเมตร

แต่สำหรับผู้ที่มีปัญหา ฟันงุ้ม ฟันหน้าบนจะลงมาปิดทับฟันหน้าล่างมากเกินไปจนเกือบมิด หรืออาจจะปิดทับจนมองไม่เห็นฟันหน้าล่างเลย ลักษณะนี้คล้ายกับการที่ฟันหน้าบน "งุ้ม" เข้ามาหาฟันล่างมากเกินไป

คุณสามารถสังเกตตนเองได้ง่ายๆ ด้วยการส่องกระจก:

• ลองกัดฟันเบาๆ แล้วยิ้ม
• หากคุณมองไม่เห็นฟันหน้าล่างเลย หรือเห็นเพียงส่วนเล็กๆ น้อยๆ
• แสดงว่าคุณอาจกำลังมีปัญหา ฟันงุ้ม

แม้จะดูเหมือนเป็นเพียงปัญหาเรื่องความสวยงาม แต่การสบฟันที่ผิดปกติเช่นนี้สามารถนำไปสู่ปัญหาสุขภาพช่องปากและใบหน้าในระยะยาวได้ ซึ่งการแก้ไขด้วยการจัดฟันจะช่วยปรับการสบฟันให้กลับมาเป็นปกติและป้องกันปัญหาเหล่านี้ในอนาคต

สาเหตุของฟันงุ้มเกิดจากอะไร?

ปัญหา ฟันงุ้ม หรือ ฟันสบลึก (Deep Bite) ไม่ได้เกิดขึ้นเองโดยไม่มีสาเหตุ แต่เกิดจากปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลต่อการพัฒนาของช่องปากและขากรรไกร ตั้งแต่ในวัยเด็กไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ สาเหตุหลัก ๆ สามารถแบ่งได้ดังนี้:

1. ปัจจัยทางพันธุกรรม

เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด การถ่ายทอดทางพันธุกรรมมีผลต่อโครงสร้างใบหน้าและขากรรไกร ทำให้บางคนมีแนวโน้มที่จะมีขากรรไกรบนและล่างที่เติบโตไม่สมดุลกัน หรือมีขนาดฟันที่ไม่สัมพันธ์กับขนาดขากรรไกร ซึ่งอาจทำให้ฟันหน้าบนลงมาสบลึกกว่าปกติได้

2. การสูญเสียฟันกราม

ฟันกรามมีบทบาทสำคัญในการรองรับแรงบดเคี้ยวและช่วยกำหนดการสบฟัน หากมีการสูญเสียฟันกรามซี่ใดซี่หนึ่งไปโดยไม่มีการใส่ฟันปลอมทดแทนเป็นเวลานาน ฟันที่เหลือจะไม่มีตัวรองรับ ทำให้ฟันหน้าต้องรับแรงกดมากขึ้นจนเคลื่อนที่ลงมาสบลึกกว่าเดิมได้

3. พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในวัยเด็ก

พฤติกรรมบางอย่างในวัยเด็กสามารถส่งผลกระทบต่อการพัฒนาของขากรรไกรและแนวการสบฟันได้ เช่น

• การดูดนิ้วมือหรือดูดจุกนมหลอก: หากทำเป็นประจำจนถึงช่วงที่ฟันแท้เริ่มขึ้น สามารถทำให้แนวการสบฟันผิดปกติได้
• การกัดเล็บ: พฤติกรรมนี้จะทำให้ฟันหน้าทำงานหนักและเกิดแรงกดที่ไม่เหมาะสม
• การดันลิ้น: การดันลิ้นไปที่ฟันหน้าบ่อย ๆ ขณะกลืนอาหาร ก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ฟันหน้าเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่ไม่ถูกต้อง

4. การงอกของฟันผิดปกติ

บางครั้งฟันอาจมีการงอกที่ผิดปกติ เช่น ฟันหน้าล่างสั้นเกินไป หรือฟันหน้าบนยาวเกินไป ทำให้เกิดความผิดปกติในการสบฟันและนำไปสู่ปัญหาฟันงุ้มได้

การทำความเข้าใจถึงสาเหตุเหล่านี้จะช่วยให้เราสามารถป้องกันหรือวางแผนการรักษาได้อย่างตรงจุด โดยเฉพาะการแก้ไขตั้งแต่เนิ่น ๆ ในวัยเด็ก ซึ่งจะช่วยให้ผลลัพธ์การรักษาดีขึ้นและรวดเร็วกว่าการแก้ไขในวัยผู้ใหญ่

ฟันงุ้มส่งผลเสียอย่างไร?

ปัญหา ฟันงุ้ม หรือ ฟันสบลึก (Deep Bite) ไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยงามในการยิ้ม แต่เป็นภาวะที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพช่องปากและร่างกายในระยะยาว หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่แก้ไข อาจนำไปสู่ปัญหาเหล่านี้:

1. การสึกหรอของฟันที่รุนแรง

เมื่อฟันหน้าบนสบลงมาทับฟันหน้าล่างมากเกินไป จะทำให้เกิดการเสียดสีกันตลอดเวลา ส่งผลให้ชั้นเคลือบฟันและเนื้อฟันเกิดการสึกกร่อนอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะบริเวณปลายฟัน ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการเสียวฟันและเพิ่มความเสี่ยงต่อฟันผุได้ง่ายขึ้น

2. ปัญหาเหงือกและโรคปริทันต์

ปลายฟันหน้าบนที่ลงมาทิ่มเหงือกด้านในของฟันหน้าล่างอย่างต่อเนื่อง จะทำให้เหงือกบริเวณนั้นเกิดการบาดเจ็บ อักเสบ และถอยร่นได้ง่าย ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่นำไปสู่ โรคเหงือกอักเสบ และ โรคปริทันต์ ซึ่งเป็นอันตรายต่อกระดูกที่รองรับฟัน

3. อาการปวดและผิดปกติของข้อต่อขากรรไกร (TMJ)

การสบฟันที่ผิดปกติทำให้กล้ามเนื้อและข้อต่อขากรรไกร (Temporomandibular Joint) ต้องทำงานหนักและไม่สมดุล ส่งผลให้เกิดอาการปวดบริเวณใบหน้า ปวดศีรษะ ปวดคอ และอาจทำให้มีเสียงกึกกักเวลาอ้าหรือหุบปาก

4. การเปลี่ยนแปลงของรูปหน้า

ในบางรายที่ปัญหามีความรุนแรง การสบฟันที่ลึกมากอาจทำให้ใบหน้าส่วนล่างดูสั้นลง และทำให้รูปหน้าโดยรวมไม่สมส่วน ทำให้ขาดความมั่นใจในตนเอง

จะเห็นได้ว่าการแก้ไขปัญหา ฟันงุ้ม จึงไม่ใช่แค่การจัดฟันเพื่อความสวยงามเท่านั้น แต่ยังเป็นการรักษาเพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพในอนาคต ทำให้คุณมีสุขภาพช่องปากที่ดีและยิ้มได้อย่างมั่นใจในระยะยาว

จัดฟันแก้ฟันงุ้มได้ไหม?

คำตอบคือ “ได้” อย่างแน่นอน การจัดฟันเป็นวิธีหลักและมีประสิทธิภาพสูงที่สุดในการแก้ไขปัญหา ฟันงุ้ม หรือ ฟันสบลึก (Deep Bite) เพราะทันตแพทย์จะสามารถวางแผนและควบคุมการเคลื่อนที่ของฟันได้อย่างแม่นยำ เพื่อแก้ไขสาเหตุของปัญหาที่แท้จริง

การจัดฟันเพื่อแก้ฟันงุ้มมีหลักการทำงานที่ซับซ้อน แต่สามารถสรุปให้เข้าใจง่ายได้ดังนี้:

1. ยกฟันหน้าให้สูงขึ้น (Intrusion of anterior teeth)

นี่คือขั้นตอนหลักของการรักษา ทันตแพทย์จะใช้เครื่องมือจัดฟัน ไม่ว่าจะเป็นลวดหรือวัสดุเสริมอื่น ๆ เพื่อออกแรงดันฟันหน้าบนและล่างให้เคลื่อนที่เข้าไปในเหงือกในแนวตั้ง ซึ่งจะช่วยเพิ่มช่องว่างระหว่างฟันบนกับฟันล่าง ทำให้ฟันหน้าสบกันในระดับที่เหมาะสม ไม่ลงมาคร่อมกันมากเกินไป

2. ปรับการสบฟันของฟันกราม (Extrusion of posterior teeth)

ในบางกรณีที่ฟันกรามอยู่ต่ำกว่าปกติ ทันตแพทย์อาจใช้เครื่องมือจัดฟันเพื่อดึงฟันกรามให้สูงขึ้นในแนวตั้ง เพื่อให้ฟันกรามทำหน้าที่รองรับแรงบดเคี้ยวได้ดีขึ้น ทำให้ฟันหน้าไม่ต้องรับภาระหนักจนเกิดการสบลึก การปรับฟันกรามให้สบกันอย่างถูกต้องจะช่วยให้การสบฟันโดยรวมสมบูรณ์ขึ้น

3. ปรับตำแหน่งขากรรไกร (Orthognathic Surgery)

สำหรับผู้ที่มีปัญหา ฟันงุ้ม ที่รุนแรงมาก และมีสาเหตุมาจากความผิดปกติของโครงสร้างขากรรไกรเพียงอย่างเดียว การจัดฟันเพียงอย่างเดียวอาจไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างสมบูรณ์ ทันตแพทย์จัดฟันและทันตแพทย์ศัลยกรรมช่องปากอาจแนะนำให้ทำการ ผ่าตัดขากรรไกร ร่วมกับการจัดฟัน เพื่อปรับตำแหน่งขากรรไกรให้เข้าที่ ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาได้อย่างถาวร

ประเภทของการจัดฟันที่ใช้แก้ฟันงุ้ม

การรักษาปัญหา ฟันงุ้ม สามารถทำได้ด้วยเครื่องมือจัดฟันหลากหลายประเภท ซึ่งแต่ละแบบก็มีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกันไป ทันตแพทย์จะช่วยประเมินและแนะนำชนิดที่เหมาะสมกับความรุนแรงของปัญหาและไลฟ์สไตล์ของคุณ

1. จัดฟันแบบโลหะ (Metal Braces)

เป็นเครื่องมือจัดฟันที่ได้รับความนิยมมากที่สุดและมีประสิทธิภาพสูงในการเคลื่อนฟันได้ทุกทิศทาง โดยเฉพาะในเคสที่ต้องแก้ไขปัญหาสลับซับซ้อน เช่น ฟันงุ้มที่รุนแรง ตัวเครื่องมือประกอบด้วยวัสดุที่เป็นเหล็กและลวด ซึ่งทันตแพทย์จะใช้ในการออกแรงดึงและดันฟันไปในทิศทางที่ต้องการได้อย่างแม่นยำ

• ข้อดี: มีประสิทธิภาพสูง, ราคาเข้าถึงง่าย
• ข้อจำกัด: มองเห็นได้ชัดเจน, อาจมีอาการระคายเคืองในช่องปากช่วงแรก

2. จัดฟันแบบเซรามิก (Ceramic Braces)

ทำงานคล้ายกับเครื่องมือจัดฟันแบบโลหะทุกประการ แต่ใช้วัสดุเซรามิกที่มีสีใกล้เคียงกับสีฟัน ทำให้มองเห็นได้น้อยกว่า จึงเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการความสวยงามในระหว่างการรักษา

• ข้อดี: สวยงามกว่าแบบโลหะ, ทำงานได้เหมือนกัน
• ข้อจำกัด: อาจมีราคาสูงกว่า, อาจแตกหักได้ง่ายกว่าแบบโลหะ

3. จัดฟันแบบใส (Invisalign)

เป็นเครื่องมือจัดฟันที่ทำจากพลาสติกใส สามารถถอดเข้าออกได้ ประกอบด้วยชุดเครื่องมือที่ออกแบบเฉพาะบุคคล โดยทันตแพทย์จะวางแผนการเคลื่อนฟันตั้งแต่ต้นจนจบ และคุณจะเปลี่ยนเครื่องมือชุดใหม่ทุก ๆ 1-2 สัปดาห์ตามแผนที่วางไว้ เครื่องมือจัดฟันแบบใสสามารถแก้ไขปัญหาฟันงุ้มได้ในระดับที่ไม่รุนแรง

• ข้อดี: สวยงามมากที่สุดเพราะมองไม่เห็น, สามารถถอดได้เมื่อต้องการทานอาหารหรือทำความสะอาดฟัน
• ข้อจำกัด: มีราคาสูงที่สุด, ผู้ใช้ต้องมีวินัยในการใส่เครื่องมืออย่างน้อย 20-22 ชั่วโมงต่อวัน หากใส่ไม่สม่ำเสมออาจทำให้การรักษาไม่ได้ผลตามแผน

ขั้นตอนการรักษาฟันงุ้มด้วยการจัดฟัน

การรักษาปัญหาฟันงุ้มด้วยการจัดฟันไม่ใช่แค่การติดเครื่องมือ แต่เป็นกระบวนการที่มีขั้นตอนที่ละเอียดอ่อน เพื่อให้มั่นใจว่าผลลัพธ์ที่ได้จะปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด

1. การปรึกษาและวางแผนการรักษา

นี่เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุด ทันตแพทย์จะตรวจสุขภาพช่องปากของคุณอย่างละเอียด เพื่อวินิจฉัยความรุนแรงของปัญหาฟันงุ้มและสาเหตุที่แท้จริง พร้อมทั้งถ่ายภาพเอกซเรย์เพื่อดูโครงสร้างของกระดูกขากรรไกรและตำแหน่งของฟันที่ซ่อนอยู่ นอกจากนี้ยังมีการพิมพ์ปากเพื่อทำแบบจำลองฟัน ทันตแพทย์จะใช้ข้อมูลทั้งหมดนี้ในการวางแผนการเคลื่อนที่ของฟันและคาดการณ์ผลลัพธ์การรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ

2. การเตรียมความพร้อมก่อนจัดฟัน

ก่อนที่จะติดเครื่องมือจัดฟัน คุณต้องมีสุขภาพช่องปากที่ดีก่อนเสมอ ทันตแพทย์จะแนะนำให้เคลียร์ช่องปากให้เรียบร้อย เช่น:

• การขูดหินปูน: เพื่อกำจัดคราบหินปูนและลดความเสี่ยงของโรคเหงือก
• การอุดฟัน: หากพบฟันผุ ควรได้รับการอุดให้เรียบร้อยก่อนเพื่อป้องกันอาการเสียวฟันหรือปวดฟันในระหว่างการจัดฟัน
• การถอนฟัน: ในบางกรณีที่จำเป็นต้องใช้พื้นที่ในการเคลื่อนฟัน ทันตแพทย์อาจแนะนำให้ถอนฟันบางซี่ออก

3. การติดเครื่องมือและนัดปรับเครื่องมือ

เมื่อช่องปากพร้อมแล้ว ทันตแพทย์จะเริ่มติดเครื่องมือจัดฟันตามที่ได้วางแผนไว้ และจะนัดหมายให้คุณเข้ามาพบเป็นประจำทุก ๆ 4-6 สัปดาห์ เพื่อให้ทันตแพทย์ปรับเครื่องมือและเปลี่ยนลวดจัดฟัน ซึ่งขั้นตอนนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นการออกแรงที่เหมาะสมและต่อเนื่องในการเคลื่อนฟันให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้

4. การดูแลและติดตามผลหลังการจัดฟัน

ระหว่างการรักษา คุณมีหน้าที่สำคัญในการดูแลสุขภาพช่องปากอย่างเคร่งครัด เพราะการทำความสะอาดฟันที่มีเครื่องมือจัดฟันจะยากกว่าปกติ ทันตแพทย์จะสอนวิธีการแปรงฟันที่ถูกต้องและแนะนำการใช้ไหมขัดฟันสำหรับคนจัดฟันโดยเฉพาะ การดูแลที่ดีจะช่วยป้องกันฟันผุและโรคเหงือก และเมื่อการรักษาเสร็จสิ้น ทันตแพทย์จะแนะนำให้คุณใส่ รีเทนเนอร์ เพื่อคงสภาพฟันให้คงที่และป้องกันไม่ให้ฟันเคลื่อนกลับไปอยู่ในตำแหน่งเดิม

การแก้ไขฟันงุ้มในวัยผู้ใหญ่

การจัดฟันเพื่อแก้ไขปัญหา ฟันงุ้ม ในวัยผู้ใหญ่นั้นสามารถทำได้ และมีประสิทธิภาพสูงไม่แพ้การจัดฟันในวัยเด็ก แต่มีข้อควรพิจารณาเพิ่มเติมเนื่องจากโครงสร้างกระดูกและฟันที่โตเต็มที่แล้ว

ในวัยผู้ใหญ่ การจัดฟันมุ่งเน้นไปที่การแก้ไขปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและฟังก์ชันการบดเคี้ยว รวมถึงความสวยงาม โดยมีแนวทางการรักษาหลักๆ ดังนี้:

1. การจัดฟันอย่างเดียว (Orthodontic Treatment)

เป็นวิธีหลักที่ใช้แก้ไขปัญหาฟันงุ้มในผู้ใหญ่ โดยทันตแพทย์จะใช้เครื่องมือจัดฟันเพื่อปรับระดับความสูงของฟันหน้าและฟันกราม เพื่อให้การสบฟันกลับมาเป็นปกติและลดการสึกหรอของฟัน

• จัดฟันแบบโลหะ: เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาซับซ้อนและต้องการผลลัพธ์ที่แม่นยำ
• จัดฟันแบบใส (Invisalign): เป็นที่นิยมในผู้ใหญ่ที่ต้องการความสวยงามและไม่ต้องการให้เห็นเครื่องมือจัดฟัน เหมาะสำหรับเคสที่ไม่รุนแรงและผู้ที่มีวินัยสูงในการใส่เครื่องมือ
• จัดฟันแบบเซรามิก: เป็นอีกทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการความสวยงามแต่มีงบประมาณจำกัด

2. การจัดฟันร่วมกับการผ่าตัดขากรรไกร (Orthognathic Surgery)

สำหรับผู้ใหญ่ที่มีปัญหาฟันงุ้มที่เกิดจากความผิดปกติของโครงสร้างขากรรไกรอย่างรุนแรง การจัดฟันเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ ทันตแพทย์จะแนะนำให้ทำการ ผ่าตัดขากรรไกร ร่วมกับการจัดฟัน เพื่อปรับตำแหน่งขากรรไกรให้ถูกต้อง ทำให้ฟันสบกันได้ดีขึ้นและแก้ไขปัญหาโครงสร้างใบหน้าที่ไม่สมดุล

ข้อควรพิจารณาเพิ่มเติมในวัยผู้ใหญ่:

• สุขภาพเหงือกและฟัน: ก่อนการจัดฟัน ผู้ใหญ่ควรตรวจสุขภาพช่องปากอย่างละเอียด หากมีปัญหาเหงือกอักเสบหรือโรคปริทันต์ (โรคเหงือกขั้นรุนแรง) ควรได้รับการรักษาก่อนเพื่อป้องกันไม่ให้อาการแย่ลงระหว่างการจัดฟัน
• ระยะเวลาการรักษา: การจัดฟันในผู้ใหญ่อาจใช้เวลานานกว่าในวัยเด็กเล็กน้อย เนื่องจากกระดูกและฟันที่โตเต็มที่แล้วจะเคลื่อนที่ได้ช้ากว่า
• การใส่รีเทนเนอร์: หลังจากจัดฟันเสร็จแล้ว การใส่ รีเทนเนอร์ อย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อป้องกันไม่ให้ฟันเคลื่อนกลับไปอยู่ในตำแหน่งเดิม

แม้การจัดฟันในวัยผู้ใหญ่อาจต้องใช้เวลาและความร่วมมือที่มากขึ้น แต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้นคุ้มค่า ทั้งในด้านสุขภาพช่องปากที่ดีขึ้น และรอยยิ้มที่สวยงามและมั่นใจอย่างถาวร หากคุณกำลังลังเลใจที่จะจัดฟันเพื่อแก้ไขปัญหาฟันงุ้ม การปรึกษาทันตแพทย์เฉพาะทางจัดฟันจะช่วยให้คุณได้รับคำแนะนำที่ถูกต้องและเหมาะสมกับคุณที่สุด

ฟันงุ้ม ไม่ใช่เพียงปัญหาด้านความสวยงาม แต่เป็นปัญหาการสบฟันที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว หากคุณสังเกตว่าฟันหน้าบนคร่อมฟันหน้าล่างมากเกินไปจนมองไม่เห็นฟันล่างทั้งหมด การปรึกษาทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดฟันถือเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพราะการแก้ไขแต่เนิ่นๆ จะช่วยป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตและทำให้คุณมีรอยยิ้มที่มั่นใจได้อย่างแท้จริง

เพ็ชราคลินิก: ทางเลือกเพื่อรอยยิ้มที่สวยงามและสุขภาพดี

ที่ เพ็ชราคลินิก เราเข้าใจถึงปัญหาและความกังวลเรื่องฟันงุ้มเป็นอย่างดี ด้วยทีมทันตแพทย์เฉพาะทางด้านการจัดฟันที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์สูง เราพร้อมที่จะให้คำปรึกษาและวางแผนการรักษาที่ตอบโจทย์ความต้องการของแต่ละบุคคล

เรามีบริการจัดฟันหลากหลายประเภท ตั้งแต่การจัดฟันแบบโลหะที่ให้ผลลัพธ์แม่นยำ ไปจนถึงการจัดฟันแบบใสที่มอบความสะดวกสบายและความสวยงามให้กับคุณ ไม่ว่าปัญหาฟันงุ้มของคุณจะรุนแรงแค่ไหน เราพร้อมที่จะช่วยให้คุณกลับมามีรอยยิ้มที่สวยงามและสุขภาพช่องปากที่ดีได้อย่างยั่งยืน



หากคุณต้องการปรึกษาปัญหาฟันงุ้มหรือเรื่องการจัดฟัน สามารถนัดหมายเพื่อเข้าปรึกษาทันตแพทย์ที่เพ็ชราคลินิกได้เลย