ฟอกสีฟันแล้วเสียวฟัน รับมืออย่างไร
ฟอกสีฟันแล้วเสียวฟัน: รับมืออย่างไร

ฟอกสีฟันแล้วเสียวฟัน: รับมืออย่างไร
การมีรอยยิ้มที่ขาวกระจ่างใสคือความปรารถนาของใครหลายคน ทำให้ การฟอกสีฟัน กลายเป็นหนึ่งในบริการทันตกรรมที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ปัญหาหนึ่งที่มักจะมาพร้อมกับการฟอกสีฟันและสร้างความกังวลใจให้กับหลายคนคือ อาการเสียวฟัน วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจกันว่าทำไมถึงเสียวฟันหลังฟอกสีฟัน เป็นเรื่องปกติหรือไม่ และจะมีวิธีรับมือกับอาการนี้ได้อย่างไรบ้าง
ทำไมฟอกสีฟันแล้วถึงเสียวฟัน?
อาการเสียวฟันหลังฟอกสีฟันเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ แต่สาเหตุหลักๆ มาจากกลไกการทำงานของน้ำยาฟอกสีฟัน:
- สาร Peroxide ซึมเข้าสู่เนื้อฟัน: น้ำยาฟอกสีฟันส่วนใหญ่มีส่วนประกอบของ Hydrogen Peroxide หรือ Carbamide Peroxide สารเหล่านี้จะซึมผ่านชั้นเคลือบฟัน (Enamel) เข้าไปในเนื้อฟัน (Dentin) ซึ่งมีท่อเล็กๆ จำนวนมากที่เชื่อมต่อไปยังโพรงประสาทฟัน (Pulp)
- กระตุ้นเส้นประสาท: เมื่อสาร Peroxide เข้าไปในท่อเนื้อฟัน มันอาจกระตุ้นเส้นประสาทที่อยู่ภายในโพรงประสาทฟัน ทำให้เกิดอาการเสียวแปลบขึ้นมา โดยเฉพาะเมื่อฟันสัมผัสกับความเย็น ความร้อน หรือแรงกด
- ภาวะฟันแห้งชั่วคราว: ในกระบวนการฟอกสีฟัน ฟันอาจมีการสูญเสียน้ำชั่วคราว ทำให้ท่อเนื้อฟันเปิดกว้างขึ้นและตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นได้ง่ายขึ้น
อาการเสียวฟันนี้มักจะเกิดขึ้นในช่วงระหว่างหรือหลังการฟอกสีฟันทันที และส่วนใหญ่จะเป็นอาการ ชั่วคราว ซึ่งจะค่อยๆ ดีขึ้นและหายไปเองภายในไม่กี่ชั่วโมงหรืออาจนานถึง 2-3 วัน
อาการเสียวฟันที่พบได้หลังฟอกสีฟัน
อาการเสียวฟันหลังฟอกสีฟันมีระดับความรุนแรงแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ตั้งแต่เสียวเพียงเล็กน้อยรู้สึกจี๊ดๆ ไปจนถึงเสียวมากจนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน อาการที่พบบ่อยได้แก่:
- เสียวฟันเมื่อสัมผัสกับของเย็น: เป็นอาการที่พบบ่อยที่สุด เช่น ดื่มน้ำเย็น ไอศกรีม หรือแม้แต่ลมเย็นๆ
- เสียวฟันเมื่อสัมผัสกับของร้อน: พบได้บ้าง แต่ไม่บ่อยเท่าความเย็น
- เสียวฟันเมื่อหายใจเอาอากาศเย็นเข้าปาก: โดยเฉพาะในห้องแอร์ หรือบริเวณที่มีลมเย็น
- เสียวฟันเมื่อแปรงฟัน: น้ำยาหรือขนแปรงอาจกระตุ้นให้เกิดอาการเสียวได้
- เสียวฟันจี๊ดๆ เป็นพักๆ: โดยไม่มีสิ่งกระตุ้นที่ชัดเจน
หากอาการเสียวฟันรุนแรงมากผิดปกติ หรือไม่หายไปเองภายใน 2-3 วัน ควรปรึกษาทันตแพทย์ทันที เพราะอาจมีสาเหตุอื่นแอบแฝงอยู่
ใครบ้างที่เสี่ยงต่ออาการเสียวฟันหลังฟอกสีฟัน?
แม้จะเป็นเรื่องปกติ แต่บางคนก็มีแนวโน้มที่จะเสียวฟันหลังฟอกสีฟันมากกว่าคนอื่น:
- ผู้ที่มีฟันหรือเหงือกอ่อนไหวอยู่แล้ว: เช่น มีอาการเสียวฟันเป็นประจำ หรือมีเหงือกร่น
- ผู้ที่มีฟันสึก: การสึกของฟันทำให้เนื้อฟันเปิดออก สาร Peroxide จึงซึมเข้าไปได้ง่ายขึ้น
- ผู้ที่มีฟันผุ: ฟันผุจะทำให้โครงสร้างฟันอ่อนแอลง และโพรงประสาทฟันใกล้กับผิวฟันมากขึ้น
- ผู้ที่มีรอยร้าวเล็กๆ บนผิวฟัน: แม้จะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่รอยร้าวเหล่านี้ก็เป็นช่องทางให้น้ำยาซึมเข้าไปได้
- การใช้น้ำยาฟอกสีฟันที่มีความเข้มข้นสูง: ยิ่งน้ำยาเข้มข้นมากเท่าไหร่ โอกาสเสียวฟันก็ยิ่งสูงขึ้น
- การฟอกสีฟันเป็นเวลานานเกินไป: การปล่อยให้น้ำยาฟอกสีฟันสัมผัสกับฟันนานเกินไปก็อาจเพิ่มความเสี่ยงได้
- การดูแลฟันไม่ดีก่อนฟอกสีฟัน: เช่น ไม่ได้ขูดหินปูน หรือมีปัญหาเหงือกอักเสบ
วิธีรับมือและลดอาการเสียวฟันหลังฟอกสีฟัน
ไม่ต้องกังวลไป! มีหลายวิธีที่คุณสามารถทำได้เพื่อลดหรือบรรเทาอาการเสียวฟันหลังฟอกสีฟัน:
- แจ้งทันตแพทย์: หากคุณมีประวัติเสียวฟันง่าย หรือมีความกังวล ควรแจ้งทันตแพทย์ก่อนเสมอ เพื่อให้ทันตแพทย์พิจารณาเลือกความเข้มข้นของน้ำยาหรือเทคนิคที่เหมาะสม
- ใช้ยาสีฟันลดอาการเสียวฟัน: เริ่มใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของโพแทสเซียมไนเตรต (Potassium Nitrate) หรือสตรอนเทียมคลอไรด์ (Strontium Chloride) ก่อนและหลังการฟอกสีฟันประมาณ 1-2 สัปดาห์ สารเหล่านี้จะช่วยอุดรูเล็กๆ ในเนื้อฟันและลดการส่งผ่านความรู้สึกไปยังเส้นประสาท
- หลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่กระตุ้น: งดเครื่องดื่มเย็นจัด ร้อนจัด เปรี้ยวจัด หรือหวานจัดในช่วง 2-3 วันแรกหลังฟอกสีฟัน
- แปรงฟันเบาๆ ด้วยขนแปรงนุ่ม: หลีกเลี่ยงการแปรงฟันแรงๆ หรือใช้ยาสีฟันที่มีฤทธิ์กัดกร่อน
- ใช้ฟลูออไรด์เจลหรือน้ำยาบ้วนปาก: ทันตแพทย์อาจแนะนำให้ใช้ฟลูออไรด์เจล หรือน้ำยาบ้วนปากที่มีฟลูออไรด์เข้มข้น ซึ่งช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของชั้นเคลือบฟันและลดอาการเสียวฟัน
- รับประทานยาแก้ปวด: หากอาการเสียวฟันรบกวนมาก สามารถรับประทานยาแก้ปวดที่หาซื้อได้ทั่วไป เช่น ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) หรือพาราเซตามอล (Paracetamol)
- พักฟัน: หากฟอกสีฟันที่บ้านและมีอาการเสียวฟันมาก ให้หยุดพักการฟอกสีฟันไป 1-2 วัน แล้วค่อยกลับมาทำใหม่
- กลับไปพบทันตแพทย์: หากอาการเสียวฟันไม่ดีขึ้น หรือรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ควรรีบกลับไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม
ข้อควรพิจารณาก่อนฟอกสีฟัน
เพื่อลดความเสี่ยงของการเสียวฟัน และเพื่อให้ผลลัพธ์การฟอกสีฟันเป็นที่น่าพึงพอใจ ควรพิจารณาสิ่งเหล่านี้ก่อนตัดสินใจ:
- ตรวจสุขภาพช่องปาก: ต้องแน่ใจว่าไม่มีฟันผุ เหงือกอักเสบ หรือปัญหาอื่นๆ ที่ต้องรักษาให้เรียบร้อยก่อน
- ขูดหินปูนและทำความสะอาดฟัน: เพื่อขจัดคราบและหินปูนที่เกาะอยู่บนผิวฟัน ทำให้การฟอกสีฟันมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- เลือกคลินิกและทันตแพทย์ที่มีประสบการณ์: การฟอกสีฟันโดยทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้มั่นใจได้ถึงความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด รวมถึงการรับมือกับอาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
- ปรึกษาเรื่องความเข้มข้นของน้ำยา: ทันตแพทย์จะช่วยเลือกความเข้มข้นของน้ำยาที่เหมาะสมกับสภาพฟันและความไวของแต่ละบุคคล
เกิดอาการเสียวฟันหลังฟอกสีฟัน ควรทำอย่างไรดี?
การมีอาการ เสียวฟัน หลังการ ฟอกสีฟัน เป็นเรื่องที่พบได้บ่อยและเป็นอาการข้างเคียงปกติที่มักจะเกิดขึ้นชั่วคราว ไม่ต้องตกใจไปครับ ส่วนใหญ่แล้วอาการจะค่อยๆ ดีขึ้นและหายไปเองภายในไม่กี่ชั่วโมงหรือ 2-3 วัน แต่ถ้าคุณกำลังเผชิญกับความรู้สึกเสียวจี๊ดๆ อยู่ตอนนี้ ลองทำตามคำแนะนำเหล่านี้เพื่อบรรเทาอาการและดูแลฟันของคุณให้กลับมาเป็นปกติได้เร็วที่สุด
1. หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น
ในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรกหลังการฟอกสีฟัน เป็นช่วงที่ฟันของคุณจะอ่อนไหวเป็นพิเศษ พยายามหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นเหล่านี้:
- อาหารและเครื่องดื่มเย็นจัด/ร้อนจัด: เช่น น้ำแข็ง ไอศกรีม กาแฟร้อนจัด หรือซุป
- อาหารและเครื่องดื่มรสเปรี้ยว/หวานจัด: เช่น น้ำอัดลม ผลไม้รสเปรี้ยว ขนมหวาน เพราะอาจกระตุ้นเส้นประสาทได้
- ลมเย็น: หากจำเป็นต้องอยู่ในที่ที่มีลมเย็น หรือห้องแอร์จัดๆ ลองหายใจทางจมูกแทน เพื่อลดการสัมผัสลมเย็นโดยตรงกับฟัน
2. ใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับลดอาการเสียวฟัน
- ยาสีฟันลดอาการเสียวฟัน: เริ่มใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของ โพแทสเซียมไนเตรต (Potassium Nitrate) หรือ สตรอนเทียมคลอไรด์ (Strontium Chloride) เช่น Sensodyne, Colgate Sensitive Pro-Relief หรือยาสีฟันสำหรับฟันบอบบางโดยเฉพาะ สารเหล่านี้จะช่วยปิดกั้นท่อเล็กๆ บนผิวเนื้อฟันที่เชื่อมต่อกับเส้นประสาท ทำให้ความรู้สึกเสียวลดลง สามารถใช้แปรงฟันได้ตามปกติ หรือจะใช้นิ้วป้ายยาสีฟันบางๆ ทาบริเวณที่เสียวทิ้งไว้สักครู่ก็ได้
- น้ำยาบ้วนปากฟลูออไรด์: การบ้วนปากด้วยน้ำยาที่มี ฟลูออไรด์ จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของเคลือบฟันและลดอาการเสียวฟันได้
3. ปรับพฤติกรรมการแปรงฟัน
- ใช้แปรงสีฟันขนนุ่ม: หลีกเลี่ยงแปรงสีฟันขนแข็งที่อาจไปทำลายเคลือบฟันและเหงือก
- แปรงฟันเบาๆ: อย่าออกแรงกดมากเกินไปในขณะแปรงฟัน
4. พักฟัน (สำหรับการฟอกสีฟันที่บ้าน)
หากคุณกำลังฟอกสีฟันด้วยชุดอุปกรณ์ที่บ้าน และมีอาการเสียวฟันมากผิดปกติ ให้หยุดพักการฟอกสีฟันไป 1-2 วัน เพื่อให้ฟันได้ฟื้นตัวก่อน แล้วค่อยกลับมาทำต่อตามคำแนะนำของทันตแพทย์
5. รับประทานยาแก้ปวด (ถ้าจำเป็น)
หากอาการเสียวฟันรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันมาก และรู้สึกไม่สบายตัวอย่างรุนแรง คุณสามารถรับประทานยาแก้ปวดที่หาซื้อได้ทั่วไป เช่น ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) หรือ พาราเซตามอล (Paracetamol) เพื่อบรรเทาอาการได้
6. ปรึกษาทันตแพทย์
นี่คือสิ่งสำคัญที่สุด หากอาการเสียวฟันของคุณ:
- รุนแรงมากผิดปกติ จนทนไม่ไหว
- ไม่ดีขึ้น หรือ แย่ลงเรื่อยๆ หลังจากทำตามคำแนะนำเบื้องต้นแล้ว
- ไม่หายไป ภายใน 3-5 วัน
ควรรีบกลับไปพบ ทันตแพทย์ ทันที เพื่อให้ทันตแพทย์ตรวจประเมินสาเหตุที่แท้จริง เช่น อาจมีฟันผุที่ไม่เคยทราบมาก่อน มีเหงือกร่น หรือปัญหาอื่นๆ ที่ต้องได้รับการแก้ไข เพื่อให้คุณมั่นใจว่าฟันของคุณอยู่ในสภาพที่ดีและปลอดภัย
สรุป
อาการเสียวฟันหลังฟอกสีฟันเป็นอาการข้างเคียงที่พบได้บ่อยและเป็นเรื่องปกติที่สามารถจัดการได้ การทำความเข้าใจสาเหตุ การเตรียมตัวที่ดีก่อนฟอกสีฟัน และการปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์อย่างเคร่งครัด จะช่วยลดโอกาสเกิดอาการ และทำให้การฟอกสีฟันของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นและได้รอยยิ้มที่ขาวสดใสอย่างที่ตั้งใจไว้
เคยเสียวฟันหลังฟอกสีฟันใช่ไหม? ให้เพ็ชราคลินิกดูแลรอยยิ้มของคุณ!
หากคุณกำลังประสบปัญหาเสียวฟันหลังฟอกสีฟัน หรือกำลังวางแผนที่จะฟอกสีฟันและต้องการปรึกษาเพื่อลดความกังวลใจ
เพ็ชราคลินิก ยินดีให้คำแนะนำและดูแลคุณอย่างใกล้ชิด ทีมทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของเราพร้อมประเมินสภาพฟันของคุณอย่างละเอียด วางแผนการฟอกสีฟันที่เหมาะสมที่สุด และให้คำแนะนำในการดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี เพื่อให้คุณได้รอยยิ้มที่ขาวสวยอย่างมั่นใจ ปลอดภัย และไร้กังวลเรื่องอาการเสียวฟัน
ติดต่อเพ็ชราคลินิกวันนี้ เพื่อให้เราช่วยดูแลสุขภาพช่องปากและรอยยิ้มของคุณ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร. 094-741-9369
เวลาเปิด-ปิด วันจันทร์-เสาร์ เวลา 09.00-19.00 น.
พิกัด: https://goo.gl/maps/qUCfWj9PNAhcPuyr8