รากฟันเทียม สะพานฟัน เลือกแบบไหนดีที่สุดสำหรับคุณ
รากฟันเทียม vs. สะพานฟัน: เลือกแบบไหนดีที่สุดสำหรับคุณ?

การสูญเสียฟันเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นความสวยงาม ความมั่นใจในการยิ้ม การเคี้ยวอาหาร ไปจนถึงปัญหาสุขภาพช่องปากในระยะยาว โชคดีที่เทคโนโลยีทางการแพทย์ในปัจจุบันมีทางเลือกมากมายในการทดแทนฟันที่หายไป สองทางเลือกยอดนิยมที่หลายคนให้ความสนใจคือ รากฟันเทียม (Dental Implant) และ สะพานฟัน (Dental Bridge)
บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกถึงความแตกต่าง ข้อดี ข้อเสีย และปัจจัยที่ควรพิจารณาในการเลือกระหว่างรากฟันเทียมและสะพานฟัน เพื่อให้คุณตัดสินใจได้ว่าแบบไหนที่เหมาะสมและคุ้มค่าที่สุดสำหรับคุณ
อาการเบื้องต้นที่สามารถสังเกตได้ด้วยตัวเองเพื่อพิจารณาว่าควรเลือกวิธีการรักษาด้วย รากฟันเทียม (Dental Implant) หรือ สะพานฟัน (Dental Bridge) มีดังนี้ครับ
การพิจารณาเบื้องต้นสำหรับรากฟันเทียม
คุณอาจเหมาะกับการทำรากฟันเทียมหาก:
- กระดูกขากรรไกรยังแข็งแรงพอ: สังเกตจากรูปหน้าบริเวณขากรรไกรยังคงรูป ไม่ได้ดูยุบลงไปมากนักหลังจากสูญเสียฟันไปไม่นาน
- ฟันข้างเคียงยังดีอยู่: ฟันซี่ที่ติดกับช่องว่างที่หายไปยังแข็งแรงและไม่มีปัญหาผุ หรือคุณไม่ต้องการกรอฟันเหล่านั้นเลย
- ต้องการฟันที่ใกล้เคียงธรรมชาติที่สุด: คุณต้องการฟันปลอมที่ทำหน้าที่เหมือนฟันแท้ทุกอย่าง ทั้งในด้านความสวยงามและการใช้งาน
- พร้อมสำหรับกระบวนการที่ใช้เวลา: คุณเข้าใจว่าการทำรากฟันเทียมต้องใช้เวลาพักฟื้นเพื่อให้รากเทียมยึดติดกับกระดูกอย่างสมบูรณ์
การพิจารณาเบื้องต้นสำหรับสะพานฟัน
คุณอาจเหมาะกับการทำสะพานฟันหาก:
- ฟันข้างเคียงมีรอยผุหรือถูกอุดอยู่แล้ว: ฟันซี่ที่อยู่ติดกับช่องว่างมีปัญหาอยู่แล้ว และการกรอฟันเพื่อทำสะพานฟันจึงเป็นประโยชน์ในการบูรณะฟันซี่นั้นไปด้วย
- ต้องการวิธีการรักษาที่รวดเร็ว: คุณต้องการฟันปลอมในเวลาไม่นาน และไม่ต้องการรอหลายเดือน
- ข้อจำกัดเรื่องงบประมาณ: สะพานฟันมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่น้อยกว่ารากฟันเทียม
- มีข้อจำกัดด้านสุขภาพ: มีโรคประจำตัวบางอย่างที่ไม่สามารถรับการผ่าตัดเล็กเพื่อฝังรากฟันเทียมได้
รากฟันเทียม (Dental Implant) คืออะไร?
รากฟันเทียมคือการปลูกวัสดุคล้ายรากฟันที่ทำจากโลหะไทเทเนียมลงไปในกระดูกขากรรไกร เพื่อทำหน้าที่แทนรากฟันเดิมที่หายไป ไทเทเนียมเป็นวัสดุที่ร่างกายยอมรับได้ดี ทำให้รากฟันเทียมสามารถยึดติดกับกระดูกได้อย่างแข็งแรง เมื่อรากฟันเทียมยึดติดกับกระดูกอย่างสมบูรณ์แล้ว ทันตแพทย์จะติดตั้งส่วนของครอบฟัน (Crown) ลงไป ทำให้ฟันกลับมามีรูปร่าง การใช้งาน และความสวยงามเหมือนฟันธรรมชาติ
องค์ประกอบของรากฟันเทียมประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก ได้แก่
- รากเทียม (Fixture): ส่วนที่เป็นสกรูฝังอยู่ในกระดูกขากรรไกร ทำหน้าที่เป็นรากฟัน
- เดือยรองรับครอบฟัน (Implant Abutment): ส่วนที่เชื่อมต่อระหว่างรากเทียมกับครอบฟัน
- ครอบฟัน (Crown): ส่วนที่มองเห็นได้ในช่องปาก ทำจากวัสดุเซรามิก มีลักษณะคล้ายฟันธรรมชาติ
ข้อดีและข้อเสียของการทำรากฟันเทียม
ข้อดี:
- ความสวยงามและเหมือนฟันธรรมชาติ: รากฟันเทียมให้ความรู้สึกและรูปลักษณ์ที่เหมือนฟันธรรมชาติมากที่สุด
- ความคงทนถาวร: หากดูแลรักษาความสะอาดอย่างดี รากฟันเทียมสามารถใช้งานได้ยาวนานตลอดชีวิต
- ไม่ทำลายฟันข้างเคียง: การทำรากฟันเทียมไม่ต้องกรอฟันธรรมชาติที่อยู่ติดกัน ทำให้ฟันซี่อื่น ๆ ยังคงสมบูรณ์
- รักษากระดูกขากรรไกร: การฝังรากเทียมจะช่วยกระตุ้นการทำงานของกระดูก ทำให้ป้องกันการยุบตัวของกระดูกขากรรไกร ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ใบหน้าดูแก่ก่อนวัยได้
- เพิ่มความมั่นใจ: ช่วยให้สามารถเคี้ยวอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพและยิ้มได้อย่างมั่นใจ
ข้อเสีย:
- ค่าใช้จ่ายสูง: รากฟันเทียมมีราคาสูงกว่าวิธีการทดแทนฟันแบบอื่น
- ใช้เวลานาน: ตั้งแต่การผ่าตัดไปจนถึงการใส่ครอบฟัน อาจใช้เวลาหลายเดือน เพื่อให้กระดูกยึดติดกับรากเทียมอย่างสมบูรณ์
- ต้องผ่าตัด: เป็นการผ่าตัดเล็ก ๆ ซึ่งอาจมีอาการปวด บวม หรือเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนได้
- ข้อจำกัดสำหรับบางบุคคล: ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น โรคเบาหวานที่ควบคุมระดับน้ำตาลได้ไม่ดี หรือผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 18 ปีที่กระดูกขากรรไกรยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่ อาจไม่เหมาะกับการทำรากฟันเทียม
ขั้นตอนการทำรากฟันเทียมโดยทั่วไป
- การตรวจวินิจฉัยและวางแผนการรักษา: ทันตแพทย์จะตรวจสภาพช่องปาก ถ่ายภาพรังสี (เช่น CT Scan) เพื่อประเมินความหนาแน่นของกระดูกขากรรไกร และวางแผนตำแหน่งการฝังรากเทียมที่เหมาะสม
- การผ่าตัดฝังรากเทียม: ทันตแพทย์จะฉีดยาชาเฉพาะที่ จากนั้นทำการผ่าตัดเล็ก ๆ เพื่อฝังรากเทียมลงในกระดูกขากรรไกร แล้วเย็บปิดแผล
- ระยะพักฟื้น: ผู้ป่วยต้องรอประมาณ 3-6 เดือน เพื่อให้รากเทียมยึดติดกับกระดูกอย่างสมบูรณ์ ในช่วงนี้อาจมีการใส่ฟันปลอมชั่วคราวเพื่อความสวยงาม
- การติดตั้งเดือยและครอบฟัน: เมื่อรากเทียมยึดติดกับกระดูกแล้ว ทันตแพทย์จะติดตั้งเดือยรองรับครอบฟันและทำการพิมพ์ปากเพื่อทำครอบฟัน
- การใส่ครอบฟัน: ทันตแพทย์จะติดตั้งครอบฟันจริงลงบนเดือยรองรับ ทำให้ได้ฟันใหม่ที่สมบูรณ์พร้อมใช้งาน
การทำรากฟันเทียมเป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของทันตแพทย์และเทคโนโลยีที่ทันสมัย ดังนั้นจึงควรเลือกคลินิกและทันตแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
สะพานฟัน (Dental Bridge) คืออะไร
สะพานฟันคือการทำฟันปลอมชนิดติดแน่นเพื่อทดแทนฟันที่หายไปตั้งแต่หนึ่งซี่ขึ้นไป โดยอาศัยฟันธรรมชาติที่อยู่ข้างเคียงเป็นหลักยึด เปรียบเสมือนการสร้าง "สะพาน" เพื่อเชื่อมช่องว่างระหว่างฟัน ทำให้คุณสามารถกลับมาใช้งานฟันได้อย่างปกติ และยังช่วยป้องกันปัญหาฟันล้มได้อีกด้วย
องค์ประกอบของสะพานฟัน
สะพานฟันโดยทั่วไปจะประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก ได้แก่
- ครอบฟัน (Abutment crowns): ครอบฟันที่ยึดติดอยู่กับฟันธรรมชาติที่แข็งแรงซี่ข้างเคียง
- ฟันปลอม (Pontic): ฟันปลอมที่ลอยอยู่เหนือเหงือกในช่องว่างที่ฟันหายไป
- ตัวเชื่อม (Connectors): ส่วนที่เชื่อมต่อระหว่างฟันปลอมกับครอบฟัน
ข้อดีและข้อเสียของสะพานฟัน
ข้อดี:
- ค่าใช้จ่ายน้อยกว่า: มีราคาถูกกว่าการทำรากฟันเทียม
- ระยะเวลาการรักษาที่รวดเร็ว: ขั้นตอนการทำใช้เวลาสั้นกว่ารากฟันเทียมมาก โดยปกติจะใช้เวลาเพียง 1-3 สัปดาห์
- ไม่จำเป็นต้องผ่าตัด: เป็นทางเลือกที่ไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการหรือไม่สามารถผ่าตัดได้
- ฟื้นฟูการบดเคี้ยวและรูปลักษณ์: ช่วยให้สามารถบดเคี้ยวอาหารได้ตามปกติและคืนความสวยงามให้แก่รอยยิ้ม
ข้อเสีย:
- ต้องกรอฟันธรรมชาติ: ฟันที่ใช้เป็นหลักยึดจะต้องถูกกรอเนื้อฟันออกเพื่อเตรียมสำหรับครอบฟัน ทำให้สูญเสียเนื้อฟันที่ดีไป
- อายุการใช้งานสั้นกว่า: สะพานฟันมีอายุการใช้งานประมาณ 5-15 ปี ซึ่งสั้นกว่ารากฟันเทียม และอาจต้องเปลี่ยนใหม่ในอนาคต
- ทำความสะอาดยากกว่า: เนื่องจากสะพานฟันเป็นชิ้นเดียวติดกัน จึงต้องใช้ไหมขัดฟันชนิดพิเศษหรืออุปกรณ์ทำความสะอาดเฉพาะเพื่อทำความสะอาดใต้สะพาน ซึ่งหากทำความสะอาดไม่ดีพอ อาจทำให้เกิดฟันผุหรือโรคเหงือกได้
- ไม่ช่วยรักษากระดูกขากรรไกร: สะพานฟันไม่ได้ฝังรากเทียมลงไปในกระดูก จึงไม่สามารถป้องกันการยุบตัวของกระดูกขากรรไกรได้
ขั้นตอนการทำสะพานฟัน
- การตรวจวินิจฉัยและเตรียมฟัน: ทันตแพทย์จะตรวจสภาพช่องปากและฟันข้างเคียงที่จะใช้เป็นหลักยึด จากนั้นจะทำการกรอเนื้อฟันซี่หลักยึดออก
- การพิมพ์ปาก: ทันตแพทย์จะทำการพิมพ์ปากเพื่อสร้างแบบจำลองฟัน แล้วส่งไปยังห้องปฏิบัติการเพื่อทำสะพานฟัน
- ใส่สะพานฟันชั่วคราว: ในระหว่างที่รอสะพานฟันถาวร ทันตแพทย์จะใส่สะพานฟันแบบชั่วคราวให้ผู้ป่วยใช้งาน
- ติดตั้งสะพานฟันถาวร: เมื่อสะพานฟันถาวรเสร็จเรียบร้อย ทันตแพทย์จะนัดผู้ป่วยกลับมาเพื่อลองใส่และปรับแต่งให้พอดี จากนั้นจะทำการยึดติดสะพานฟันด้วยวัสดุทางทันตกรรม
เลือกแบบไหนดีที่สุดสำหรับคุณ?
การตัดสินใจที่ดีที่สุดควรเกิดจากการปรึกษาทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แต่เพื่อเป็นแนวทางเบื้องต้น คุณอาจพิจารณาจากปัจจัยเหล่านี้:
คำตอบที่ดีที่สุดขึ้นอยู่กับปัจจัยเฉพาะตัวของคุณเอง ลองพิจารณาคำถามต่อไปนี้เพื่อช่วยในการตัดสินใจ
1. คุณให้ความสำคัญกับความคงทนระยะยาวหรือไม่?
- ถ้าคำตอบคือ "ใช่" และคุณต้องการการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว รากฟันเทียม คือทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะให้ผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติมากที่สุด ทั้งในด้านความสวยงาม การใช้งาน และยังช่วยรักษาสุขภาพกระดูกขากรรไกร
- หากคุณต้องการทางเลือกที่ประหยัดกว่าและรวดเร็วกว่า สะพานฟัน ก็เป็นทางเลือกที่ใช้ได้ แต่ต้องยอมรับว่ามีอายุการใช้งานที่สั้นกว่าและอาจต้องมีการเปลี่ยนใหม่ในอนาคต
2. คุณกังวลเรื่องการกรอฟันธรรมชาติหรือไม่?
- รากฟันเทียม เป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมหากคุณไม่ต้องการให้ฟันธรรมชาติซี่ข้างเคียงถูกแตะต้องเลย
- สะพานฟัน จะต้องทำการกรอฟันซี่ข้างเคียงเพื่อใช้เป็นหลักยึด ซึ่งเป็นการทำลายเนื้อฟันที่ดีไปบางส่วน หากฟันเหล่านั้นยังแข็งแรงดี การเลือกสะพานฟันอาจทำให้คุณต้องคิดให้รอบคอบ
3. สุขภาพช่องปากและกระดูกขากรรไกรของคุณเป็นอย่างไร?
- การทำ รากฟันเทียม จำเป็นต้องมีปริมาณและความหนาแน่นของกระดูกขากรรไกรที่เพียงพอ หากกระดูกบางเกินไป อาจต้องมีการปลูกกระดูกเพิ่ม ซึ่งจะทำให้ใช้เวลาและค่าใช้จ่ายมากขึ้น
- สะพานฟัน เหมาะสำหรับผู้ที่กระดูกขากรรไกรอาจไม่แข็งแรงพอที่จะรองรับรากเทียม หรือไม่ต้องการทำหัตถการที่ซับซ้อน
4. งบประมาณและระยะเวลาที่คุณมีคือเท่าไหร่?
- สะพานฟัน เหมาะสำหรับผู้ที่มีงบประมาณจำกัดและต้องการฟันใหม่ที่รวดเร็ว
- รากฟันเทียม มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าและต้องใช้เวลาในการรักษานานกว่า แต่เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับสุขภาพฟันในระยะยาว
ทั้งรากฟันเทียมและสะพานฟันต่างก็เป็นทางเลือกที่ดีในการทดแทนฟันที่หายไป แต่มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน รากฟันเทียมอาจมีราคาสูงกว่าและใช้เวลานานกว่า แต่ให้ผลลัพธ์ที่คงทนถาวรและดีที่สุดในแง่ของสุขภาพช่องปากระยะยาว ในขณะที่สะพานฟันเป็นทางเลือกที่รวดเร็วและประหยัดกว่า แต่ก็แลกมากับการต้องกรอฟันธรรมชาติที่อยู่ติดกัน
สิ่งสำคัญที่สุดคือการเข้าปรึกษาทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านรากฟันเทียมหรือทันตกรรมประดิษฐ์ เพื่อให้ทันตแพทย์ช่วยวินิจฉัยและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับสภาพช่องปากและความต้องการของคุณมากที่สุด อย่ารอช้าที่จะกลับมามีรอยยิ้มที่มั่นใจอีกครั้ง
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ เพ็ชราคลินิก
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร. 094-741-9369
เวลาเปิด-ปิด วันจันทร์-เสาร์ เวลา 09.00-19.00 น.
พิกัด: https://goo.gl/maps/qUCfWj9PNAhcPuyr8