อาการหลังผ่าตัดรากฟันเทียม ปวด บวม ช้ำ รับมืออย่างไร
อาการหลังผ่าตัดรากฟันเทียม: ปวด บวม ช้ำ รับมืออย่างไร?

การผ่าตัดรากฟันเทียมเป็นหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างมากในการทดแทนฟันที่สูญเสียไป เพื่อให้ได้ฟันซี่ใหม่ที่ใช้งานได้ใกล้เคียงฟันธรรมชาติมากที่สุด อย่างไรก็ตาม หลังจากการผ่าตัด ผู้ป่วยอาจมีอาการข้างเคียงต่างๆ เช่น อาการปวด บวม และช้ำ ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ร่างกายตอบสนองต่อการผ่าตัด บทความนี้จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับการรับมือกับอาการเหล่านี้อย่างถูกวิธี เพื่อให้คุณสามารถดูแลตัวเองและกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด
1. อาการปวดหลังผ่าตัดรากฟันเทียม
อาการปวดหลังการผ่าตัดรากฟันเทียมนั้นเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ เนื่องจากเป็นการผ่าตัดที่ทำให้เนื้อเยื่อบริเวณนั้นเกิดการบาดเจ็บเล็กน้อย อาการปวดจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของการผ่าตัดและความทนทานของแต่ละบุคคล ซึ่งการจัดการอาการปวดอย่างถูกวิธีจะช่วยให้คุณฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
ทำความเข้าใจสาเหตุของอาการปวด
- บาดแผลจากการผ่าตัด: การผ่าตัดทำให้เกิดบาดแผลในเหงือกและกระดูก ทำให้เส้นประสาทและเนื้อเยื่อรอบๆ เกิดการระคายเคือง
- การอักเสบตามธรรมชาติ: ร่างกายจะตอบสนองต่อการบาดเจ็บด้วยกระบวนการอักเสบ ซึ่งทำให้เกิดอาการปวดและบวม
วิธีรับมือกับอาการปวดอย่างละเอียด
- การใช้ยาแก้ปวดตามทันตแพทย์สั่ง ทันตแพทย์จะแนะนำยาแก้ปวดที่เหมาะสมกับคุณ ซึ่งอาจเป็นยาในกลุ่ม Ibuprofen หรือ Paracetamol สิ่งสำคัญคือการรับประทานยาตามกำหนดเวลาที่ทันตแพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัด ไม่ควรหยุดยาเอง แม้ว่าอาการปวดจะดีขึ้นแล้วก็ตาม เพราะการรับประทานยาอย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 วันแรกจะช่วยควบคุมระดับความปวดได้ดีกว่าการรอให้ปวดมากแล้วค่อยทาน หากอาการปวดยังไม่ดีขึ้นหรือปวดมากขึ้นหลังจากทานยาแล้ว ควรติดต่อทันตแพทย์ทันที
- การประคบเย็นเพื่อบรรเทาอาการปวดและบวม การประคบเย็นเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากในการลดอาการปวดและบวมในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก หลังการผ่าตัด เพราะความเย็นจะช่วยให้หลอดเลือดหดตัว ลดการไหลเวียนของเลือดในบริเวณนั้น ซึ่งช่วยบรรเทาอาการบวมและการอักเสบได้
- วิธีการประคบ: ใช้ถุงน้ำแข็งห่อด้วยผ้าขนหนูบางๆ แล้วประคบบริเวณแก้มด้านนอกเหนือจากตำแหน่งที่ผ่าตัด
- ระยะเวลา: ประคบครั้งละ 15-20 นาที แล้วพักประมาณ 15 นาที ทำซ้ำไปเรื่อยๆ
- การรักษาความสะอาดและหลีกเลี่ยงการระคายเคือง การรักษาความสะอาดของช่องปากเป็นสิ่งสำคัญ แต่ก็ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนแผลผ่าตัด
- การแปรงฟัน: ในช่วง 24 ชั่วโมงแรก ควรหลีกเลี่ยงการแปรงฟันบริเวณที่ผ่าตัดไปก่อน หลังจากนั้นสามารถแปรงได้ แต่ควรใช้แปรงสีฟันขนอ่อนและแปรงอย่างเบามือที่สุด
- ไหมขัดฟัน: ใช้ไหมขัดฟันในบริเวณที่ห่างจากแผลผ่าตัดเพื่อทำความสะอาดซอกฟันตามปกติ
- การบ้วนปาก: ในช่วงวันแรกๆ ควรหลีกเลี่ยงการบ้วนปากแรงๆ หรือการใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีแอลกอฮอล์ เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองและเลือดออกได้ ทันตแพทย์อาจแนะนำให้ใช้น้ำยาบ้วนปากชนิดพิเศษเพื่อช่วยทำความสะอาดแทน
การปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้อย่างเคร่งครัดจะช่วยให้คุณสามารถจัดการกับอาการปวดหลังผ่าตัดได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำให้การฟื้นตัวเป็นไปอย่างราบรื่นมากขึ้น หากมีข้อสงสัยหรืออาการผิดปกติใดๆ ควรปรึกษาทันตแพทย์ทันที
2. อาการบวมหลังผ่าตัดรากฟันเทียม
อาการบวมเป็นเรื่องปกติและเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการสมานแผลตามธรรมชาติของร่างกายหลังจากการผ่าตัดรากฟันเทียม อาการนี้จะเห็นได้ชัดเจนที่สุดในช่วง 48-72 ชั่วโมงแรก และจะค่อยๆ ดีขึ้นในสัปดาห์ถัดมา การเข้าใจและจัดการอาการบวมอย่างถูกวิธีจะช่วยให้คุณรู้สึกสบายตัวมากขึ้นและช่วยให้การฟื้นตัวเป็นไปอย่างราบรื่น
ทำความเข้าใจสาเหตุของอาการบวม
- ปฏิกิริยาการอักเสบ: เมื่อร่างกายได้รับบาดเจ็บ เนื้อเยื่อจะปล่อยสารเคมีออกมาเพื่อกระตุ้นให้เลือดและของเหลวไหลมายังบริเวณนั้นมากขึ้น ซึ่งทำให้เกิดอาการบวม
- การไหลเวียนของของเหลว: การผ่าตัดทำให้เกิดการสะสมของของเหลวใต้ผิวหนังบริเวณที่ผ่าตัด
วิธีรับมือกับอาการบวมอย่างละเอียด
- การประคบเย็น (ช่วง 48 ชั่วโมงแรก) การประคบเย็นเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการควบคุมอาการบวมในช่วง 48 ชั่วโมงแรก หลังการผ่าตัด เพราะความเย็นจะช่วยให้หลอดเลือดหดตัว ลดการไหลเวียนของเลือดในบริเวณที่ผ่าตัด ช่วยลดการสะสมของของเหลวและการอักเสบได้
- วิธีการประคบ: ใช้ถุงน้ำแข็งหรือถุงเจลเย็นห่อด้วยผ้าขนหนูบางๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวหนังระคายเคือง
- ระยะเวลา: ประคบครั้งละ 15-20 นาที แล้วพัก 15 นาที ทำซ้ำไปเรื่อยๆ ในช่วงระหว่างวัน การทำอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้เห็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
- การนอนยกศีรษะให้สูง ในช่วง 2-3 คืนแรก หลังผ่าตัด การนอนโดยให้ศีรษะอยู่สูงกว่าลำตัวเล็กน้อยจะช่วยลดแรงโน้มถ่วงที่ดึงให้ของเหลวไหลลงไปสะสมบริเวณใบหน้าได้ คุณสามารถใช้หมอนหลายใบหนุนให้ศีรษะอยู่สูงขึ้น หรือใช้หมอนรองคอช่วยก็ได้ วิธีนี้จะช่วยลดอาการบวมในตอนเช้าได้เป็นอย่างดี
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องใช้แรงและให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ การออกกำลังกายหนักๆ หรือกิจกรรมที่ต้องใช้แรงในช่วงสัปดาห์แรกหลังผ่าตัดจะทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้นและเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ซึ่งอาจส่งผลให้อาการบวมแย่ลงได้ ควรพักผ่อนให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงการออกแรงในสัปดาห์แรก เพื่อให้ร่างกายมีเวลาซ่อมแซมตัวเองอย่างเต็มที่
หากอาการบวมไม่ลดลงหลังจากผ่านไป 4-5 วัน หรือมีอาการบวมมากขึ้นเรื่อยๆ ควรรีบติดต่อทันตแพทย์เพื่อขอคำปรึกษาเพิ่มเติม เพราะนั่นอาจเป็นสัญญาณของปัญหาอื่นๆ ที่ต้องได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม
3. อาการช้ำหลังผ่าตัดรากฟันเทียม
อาการช้ำหรือรอยจ้ำเลือดใต้ผิวหนังเป็นอีกอาการหนึ่งที่อาจเกิดขึ้นได้หลังจากการผ่าตัดรากฟันเทียม แม้จะไม่ใช่ทุกคนที่ต้องเผชิญกับอาการนี้ แต่ก็เป็นเรื่องปกติและไม่ต้องกังวลมากนัก อาการช้ำเกิดจากการที่เส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนังแตกเล็กน้อยระหว่างการผ่าตัด ทำให้เลือดซึมออกมาในชั้นเนื้อเยื่อ ซึ่งจะค่อยๆ ถูกดูดซึมกลับคืนสู่ร่างกายเองตามธรรมชาติ
ทำความเข้าใจสาเหตุของอาการช้ำ
- เส้นเลือดฝอยแตก: ระหว่างการผ่าตัด เนื้อเยื่อและกระดูกจะได้รับผลกระทบ ทำให้เส้นเลือดฝอยเล็กๆ แตกและมีเลือดซึมออกมา
- ความซับซ้อนของการผ่าตัด: ในกรณีที่การผ่าตัดซับซ้อนหรือใช้เวลานาน อาจมีความเสี่ยงที่จะเกิดรอยช้ำได้มากขึ้น
- ลักษณะผิวของผู้ป่วย: ผู้ที่มีผิวบอบบางหรือมีแนวโน้มที่จะเกิดรอยช้ำง่ายอยู่แล้ว อาจจะพบอาการนี้ได้มากกว่าคนทั่วไป
วิธีรับมือกับอาการช้ำอย่างละเอียด
- การประคบอุ่น (หลังจาก 48 ชั่วโมงแรก) ในช่วง 48 ชั่วโมงแรก การประคบเย็นจะช่วยลดอาการบวมและป้องกันไม่ให้รอยช้ำขยายวงกว้าง แต่เมื่อพ้นช่วงนี้ไปแล้ว ให้เปลี่ยนมาใช้การประคบอุ่นแทน
- วิธีการประคบ: ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นหรือถุงน้ำร้อนห่อด้วยผ้าขนหนู แล้วนำมาประคบบริเวณที่มีรอยช้ำ
- ระยะเวลา: ประคบครั้งละ 15-20 นาที และทำซ้ำหลายๆ ครั้งต่อวัน
- เหตุผล: ความร้อนจะช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลืองในบริเวณนั้น ทำให้ร่างกายสามารถกำจัดและดูดซึมเลือดที่คั่งอยู่ใต้ผิวหนังได้เร็วขึ้น ส่งผลให้รอยช้ำจางลงได้ไวขึ้น
- ให้ร่างกายได้ฟื้นฟูตัวเองตามธรรมชาติ รอยช้ำเป็นอาการที่ร่างกายจะจัดการได้เองตามธรรมชาติ โดยจะค่อยๆ เปลี่ยนสีจากม่วงหรือน้ำเงินเข้มเป็นเขียว เหลือง และจางหายไปในที่สุด ซึ่งโดยปกติจะใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์
- ไม่จำเป็นต้องใช้ยา: การรับประทานยาแก้ปวดหรือยาอื่นๆ ไม่สามารถช่วยลดอาการช้ำได้โดยตรง การพักผ่อนอย่างเพียงพอและดูแลตัวเองตามคำแนะนำของทันตแพทย์คือสิ่งที่ดีที่สุด
หากรอยช้ำขยายวงกว้างอย่างรวดเร็ว หรือมีอาการปวดรุนแรงร่วมด้วย ควรรีบติดต่อทันตแพทย์ทันทีเพื่อขอคำแนะนำและตรวจเช็กอาการอย่างละเอียด เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ เกิดขึ้น
คำแนะนำเพิ่มเติมและข้อควรระวัง
นอกเหนือจากการรับมือกับอาการปวด บวม และช้ำแล้ว ยังมีคำแนะนำอื่นๆ ที่ควรปฏิบัติตามเพื่อการฟื้นตัวที่รวดเร็ว:
- งดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์: สารนิโคตินและแอลกอฮอล์จะส่งผลต่อกระบวนการสมานแผลและอาจทำให้การหายของแผลช้าลงได้
- รับประทานอาหารอ่อนๆ: ในช่วงแรกควรเลือกรับประทานอาหารที่เคี้ยวง่าย เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม ซุป หรืออาหารเหลว เพื่อไม่ให้มีเศษอาหารเข้าไปติดที่แผลผ่าตัด
- งดใช้หลอดดูด: การดูดด้วยหลอดจะทำให้เกิดแรงดันในช่องปาก ซึ่งอาจทำให้ลิ่มเลือดที่แผลหลุดออกและทำให้เกิดภาวะเลือดออกได้ง่าย
- ไปพบทันตแพทย์ตามนัด: การติดตามผลกับทันตแพทย์เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ทันตแพทย์สามารถประเมินความคืบหน้าของการฟื้นตัวและดูแลแผลได้อย่างเหมาะสม
หากคุณมีอาการปวดรุนแรง เลือดไหลไม่หยุด มีไข้ หรืออาการบวมไม่ลดลงหลังจากผ่านไปหลายวัน ควรติดต่อทันตแพทย์ทันทีเพื่อขอคำแนะนำและตรวจสอบอาการอย่างละเอียด การดูแลตัวเองอย่างถูกต้องตามคำแนะนำของทันตแพทย์ จะช่วยให้คุณผ่านช่วงเวลาหลังการผ่าตัดไปได้อย่างราบรื่นและกลับมามีรอยยิ้มที่สวยงามได้อย่างมั่นใจอีกครั้ง
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับอาการหลังผ่าตัดรากฟันเทียม
การผ่าตัดรากฟันเทียมเป็นขั้นตอนสำคัญในการฟื้นฟูรอยยิ้ม และความกังวลเกี่ยวกับอาการหลังผ่าตัดเป็นเรื่องปกติ เพื่อช่วยให้คุณคลายความกังวลและเตรียมพร้อมสำหรับการดูแลตัวเองได้อย่างเหมาะสม เราได้รวบรวมคำถามที่พบบ่อยพร้อมคำตอบอย่างละเอียดเกี่ยวกับอาการปวด บวม และช้ำหลังการผ่าตัดรากฟันเทียมมาไว้ที่นี่
1. อาการปวดหลังผ่าตัดจะนานแค่ไหน และควรรับมืออย่างไร?
อาการปวดเป็นเรื่องปกติหลังการผ่าตัด ซึ่งเกิดจากการที่เนื้อเยื่อรอบๆ บริเวณที่ผ่าตัดได้รับการกระทบกระเทือน อาการปวดมักจะรู้สึกได้มากที่สุดในช่วง 2-3 ชั่วโมงแรกหลังจากยาชาหมดฤทธิ์ และจะค่อยๆ ดีขึ้นใน 2-3 วัน โดยอาการปวดส่วนใหญ่จะหายไปภายใน 1 สัปดาห์
- การรับมือ: ทันตแพทย์จะจ่ายยาแก้ปวดที่เหมาะสมให้คุณ (เช่น ibuprofen หรือ paracetamol) ควรรับประทานยาตามที่ทันตแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด อย่ารอจนกว่าจะปวดมากแล้วค่อยทาน เพราะจะทำให้การควบคุมอาการปวดทำได้ยากขึ้น นอกจากนี้ การประคบเย็นบริเวณแก้มภายนอกเป็นเวลา 15-20 นาที สลับกับการพัก จะช่วยลดอาการปวดและบวมได้ดีในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก
2. อาการบวมหลังผ่าตัดเป็นเรื่องปกติหรือไม่ และทำไมจึงเกิดขึ้น?
อาการบวมเป็นปฏิกิริยาปกติของร่างกายต่อการผ่าตัด ซึ่งบ่งบอกว่าร่างกายกำลังอยู่ในกระบวนการซ่อมแซมและฟื้นฟูตัวเอง อาการบวมมักจะเริ่มขึ้นใน 24 ชั่วโมงแรกหลังผ่าตัด และจะบวมมากที่สุดในวันที่ 2-3 จากนั้นจะค่อยๆ ลดลงและหายไปเองภายใน 7-10 วัน
- การรับมือ: วิธีที่ดีที่สุดในการลดอาการบวมคือการประคบเย็นทันทีหลังผ่าตัดและทำต่อเนื่องในช่วง 48 ชั่วโมงแรก การนอนยกศีรษะให้สูงกว่าลำตัวเล็กน้อยจะช่วยลดการสะสมของของเหลวในบริเวณที่ผ่าตัดได้ นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมากและการออกกำลังกายหนักๆ ในช่วงสัปดาห์แรก เพื่อไม่ให้เลือดสูบฉีดมากเกินไป
3. อาการช้ำหรือรอยจ้ำเลือดจะเกิดขึ้นกับทุกคนหรือไม่ และจะหายไปเมื่อไหร่?
อาการช้ำไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นกับทุกคน แต่เป็นเรื่องปกติที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะในผู้ที่ผิวบอบบางหรือในกรณีที่มีการผ่าตัดที่ซับซ้อน รอยช้ำจะค่อยๆ เปลี่ยนสีจากม่วงคล้ำเป็นเขียวอมเหลืองและจะจางหายไปเองตามธรรมชาติภายใน 1-2 สัปดาห์
- การรับมือ: หลังจากผ่านพ้นช่วง 48 ชั่วโมงแรกไปแล้ว คุณสามารถเปลี่ยนมาใช้การประคบอุ่นได้ การประคบอุ่นจะช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้นและเร่งให้รอยช้ำจางลงได้เร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม อาการช้ำจะหายไปเองตามธรรมชาติ และไม่จำเป็นต้องรับประทานยาใดๆ เพื่อรักษา
4. ควรทานอาหารแบบไหนหลังการผ่าตัด?
ในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก ควรรับประทานอาหารเหลวหรืออาหารอ่อนๆ ที่ไม่ต้องเคี้ยวมาก เพื่อป้องกันเศษอาหารเข้าไปติดที่แผลและลดการระคายเคือง เช่น โจ๊ก ซุป ไอศกรีม หรือโยเกิร์ต ควรหลีกเลี่ยงอาหารร้อนจัดหรือรสจัด รวมถึงการใช้หลอดดูด เพราะแรงดูดอาจทำให้ลิ่มเลือดที่แผลหลุดออกได้ หลังพ้นช่วง 2-3 วันไปแล้วสามารถเริ่มกลับมารับประทานอาหารปกติได้ แต่ควรเคี้ยวด้วยฟันอีกข้างที่ไม่ได้ผ่าตัดไปก่อน
5. มีวิธีทำความสะอาดช่องปากหลังผ่าตัดอย่างไร?
- วันแรก: หลีกเลี่ยงการแปรงฟันและบ้วนปากแรงๆ เพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนแผล ทันตแพทย์อาจให้คุณใช้น้ำยาบ้วนปากฆ่าเชื้อเฉพาะที่ (เช่น chlorhexidine) เพื่อทำความสะอาดช่องปาก
- หลังจากนั้น: คุณสามารถแปรงฟันได้ตามปกติ แต่ควรทำอย่างเบามือและหลีกเลี่ยงบริเวณที่ผ่าตัดโดยตรง และใช้ไหมขัดฟันในบริเวณที่ห่างจากแผลผ่าตัด เพื่อรักษาความสะอาดของช่องปากโดยรวม
หากคุณมีคำถามเพิ่มเติมหรือมีอาการผิดปกติที่น่ากังวล เช่น ปวดรุนแรง มีไข้สูง หรือเลือดไหลไม่หยุด ควรติดต่อทันตแพทย์ทันทีเพื่อขอคำปรึกษาและรับการตรวจอย่างเหมาะสม
สรุปการดูแลตัวเองหลังผ่าตัดรากฟันเทียม: ฟื้นตัวไว ปลอดภัยที่เพ็ชราคลินิก
การผ่าตัดรากฟันเทียมเป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมในการทดแทนฟันที่สูญเสียไป เพื่อให้คุณได้รอยยิ้มที่สวยงามและใช้งานได้อย่างมั่นใจ อย่างไรก็ตาม การดูแลตัวเองหลังการผ่าตัดเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน เพราะจะส่งผลโดยตรงต่อความสำเร็จของการรักษาและระยะเวลาในการฟื้นตัว ซึ่งอาการที่พบบ่อยหลังผ่าตัด ได้แก่ ปวด บวม และช้ำ แต่ไม่ต้องกังวล เพราะอาการเหล่านี้เป็นเรื่องปกติที่สามารถจัดการได้
บทสรุปการรับมืออาการหลังผ่าตัด
- อาการปวด: เป็นอาการปกติในช่วง 2-3 วันแรก การรับประทานยาแก้ปวดตามที่ทันตแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัดจะช่วยควบคุมอาการได้ดีที่สุด และสามารถประคบเย็นบริเวณแก้มเพื่อบรรเทาอาการร่วมด้วย
- อาการบวม: มักจะเกิดขึ้นมากที่สุดในช่วง 48-72 ชั่วโมงแรก การประคบเย็นในช่วง 48 ชั่วโมงแรก การนอนหนุนศีรษะให้สูง และการหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องใช้แรง จะช่วยลดอาการบวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- อาการช้ำ: อาจเกิดขึ้นได้ในบางราย การประคบอุ่นหลังจากผ่านพ้น 48 ชั่วโมงแรกไปแล้ว จะช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิตและทำให้รอยช้ำจางลงได้เร็วขึ้น
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์อย่างเคร่งครัด ทั้งเรื่องการรับประทานอาหารอ่อนๆ การทำความสะอาดช่องปากอย่างถูกวิธี และการงดสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นตัวอย่างเต็มที่
ให้เพ็ชราคลินิกเป็นผู้ดูแลรอยยิ้มของคุณ
ที่ เพ็ชราคลินิก เราเข้าใจถึงความกังวลของผู้ป่วยเป็นอย่างดี ทีมทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของเราจะให้คำปรึกษาและวางแผนการรักษาอย่างละเอียด ตั้งแต่ก่อนการผ่าตัดไปจนถึงการดูแลหลังผ่าตัด เพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับการดูแลที่ดีที่สุดในทุกขั้นตอน
เราจะให้คำแนะนำในการดูแลตัวเองหลังการผ่าตัดอย่างใกล้ชิด รวมถึงให้คำปรึกษาตลอดระยะเวลาการฟื้นตัว เพื่อให้การผ่าตัดรากฟันเทียมของคุณประสบความสำเร็จสูงสุด และคุณสามารถกลับมามีรอยยิ้มที่มั่นใจได้อีกครั้ง
หากคุณกำลังมองหาคลินิกทันตกรรมที่ใส่ใจและเชี่ยวชาญด้านรากฟันเทียม อย่าลังเลที่จะเข้ามาปรึกษาเราที่ เพ็ชราคลินิก เราพร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลรอยยิ้มของคุณให้กลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร. 094-741-9369
เวลาเปิด-ปิด วันจันทร์-เสาร์ เวลา 09.00-19.00 น.
พิกัด: https://goo.gl/maps/qUCfWj9PNAhcPuyr8