รักษารากฟัน ราคาเท่าไหร่ เจาะลึกค่าใช้จ่ายและขั้นตอนที่ควรรู้ เพื่อสุขภาพฟันที่แข็งแรง

Petcharadentalclinic • August 1, 2025

รักษารากฟัน ราคาเท่าไหร่? เจาะลึกค่าใช้จ่ายและขั้นตอนที่ควรรู้ เพื่อสุขภาพฟันที่แข็งแรง

รักษารากฟัน ราคาเท่าไหร่ เจาะลึกค่าใช้จ่ายและขั้นตอนที่ควรรู้ เพื่อสุขภาพฟันที่แข็งแรง

รักษารากฟัน ราคาเท่าไหร่? เจาะลึกค่าใช้จ่ายและขั้นตอนที่ควรรู้ เพื่อสุขภาพฟันที่แข็งแรง

อาการปวดฟันจี๊ดๆ เคี้ยวอาหารแล้วเจ็บ หรือเหงือกบวมแดง อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าฟันของคุณอาจมีการติดเชื้อลุกลามไปถึงโพรงประสาทฟัน ซึ่งเป็นบริเวณที่มีเส้นประสาทและหลอดเลือดอยู่ภายใน หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษา อาจนำไปสู่การสูญเสียฟันในที่สุด การรักษารากฟัน (Root Canal Treatment) จึงเป็นทางเลือกสำคัญในการช่วยเก็บรักษาฟันซี่นั้นไว้ ไม่ต้องถอนทิ้ง แต่หลายคนมักกังวลเรื่อง ราคาการรักษารากฟัน และขั้นตอนที่ยุ่งยาก บทความนี้จะเจาะลึกทุกประเด็นที่คุณควรรู้


ทำไมต้องรักษารากฟัน? เข้าใจสาเหตุและประโยชน์

การรักษารากฟันคือการกำจัดเนื้อเยื่อในโพรงประสาทฟันที่ติดเชื้อหรืออักเสบออกไป ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อภายในคลองรากฟัน จากนั้นจึงอุดปิดด้วยวัสดุพิเศษ เพื่อป้องกันการติดเชื้อซ้ำ สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้ต้องรักษารากฟัน ได้แก่:


สาเหตุหลักที่นำไปสู่การติดเชื้อในโพรงประสาทฟัน

การติดเชื้อหรือการอักเสบในโพรงประสาทฟันมักเกิดจากหลายปัจจัย ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องและทันท่วงที ก็อาจทำให้เชื้อลุกลามไปยังกระดูกขากรรไกรและก่อให้เกิดปัญหาที่รุนแรงกว่าได้

  1. ฟันผุลึกถึงโพรงประสาทฟัน: นี่คือสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด เมื่อฟันผุเริ่มต้นจากชั้นเคลือบฟันและลุกลามไปจนถึงเนื้อฟัน หากไม่ได้รับการอุดฟันอย่างทันท่วงที เชื้อแบคทีเรียจะสามารถเข้าสู่โพรงประสาทฟันได้ง่าย ทำให้เกิดการติดเชื้อและการอักเสบขึ้น
  2. ฟันแตกหรือฟันร้าว: การกัดโดนของแข็ง อุบัติเหตุ หรือแม้แต่การบดเคี้ยวอาหารผิดจังหวะ อาจทำให้ฟันเกิดการแตกหรือร้าวได้ รอยแตกเหล่านี้เป็นช่องทางให้เชื้อแบคทีเรียจากช่องปากแทรกซึมเข้าไปถึงโพรงประสาทฟันได้โดยตรง ทำให้เกิดการติดเชื้อและการอักเสบ
  3. ฟันได้รับอุบัติเหตุหรือการบาดเจ็บรุนแรง: การถูกกระแทกที่ฟันอย่างรุนแรง เช่น ตกกระแทก หรือการเล่นกีฬาแล้วได้รับแรงปะทะ อาจทำให้เส้นเลือดและเส้นประสาทที่ไปเลี้ยงฟันได้รับความเสียหาย ส่งผลให้เนื้อเยื่อในโพรงประสาทฟันตายลง และเป็นแหล่งเพาะเชื้อแบคทีเรีย
  4. การทำฟันซ้ำซ้อนหรือการอุดฟันขนาดใหญ่: ในบางกรณี การกรอฟันเพื่ออุดฟันที่มีขนาดใหญ่ หรือการทำฟันซ้ำซ้อนหลายครั้งที่ฟันซี่เดิม อาจทำให้โพรงประสาทฟันได้รับความกระทบกระเทือน และนำไปสู่การอักเสบหรือการติดเชื้อได้ในอนาคต
  5. โรคเหงือกขั้นรุนแรง: แม้ไม่บ่อยนัก แต่หากมีภาวะโรคเหงือกอักเสบรุนแรงจนเชื้อลุกลามไปถึงปลายรากฟัน ก็อาจส่งผลกระทบต่อโพรงประสาทฟันได้เช่นกัน


ประโยชน์ของการรักษารากฟัน: ทำไมการเก็บฟันไว้ดีกว่าการถอน?

การตัดสินใจ รักษารากฟัน อาจดูเป็นเรื่องใหญ่สำหรับหลายคน แต่ประโยชน์ที่ได้รับนั้นคุ้มค่าอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับการถอนฟัน

  1. เก็บรักษาฟันแท้ไว้ใช้งาน: นี่คือประโยชน์อันดับแรกและสำคัญที่สุด การรักษารากฟันช่วยให้คุณสามารถเก็บฟันซี่เดิมไว้ใช้งานได้ตามปกติ ไม่ว่าจะเป็นการบดเคี้ยวอาหาร การพูด หรือแม้แต่เพื่อความสวยงาม
  2. ป้องกันปัญหาฟันล้ม/ฟันเคลื่อน: เมื่อถอนฟันออกไป ฟันข้างเคียงและฟันคู่สบจะเริ่มเคลื่อนตัวเข้าหาช่องว่างที่หายไป ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาฟันล้ม ฟันห่าง การสบฟันผิดปกติ และนำไปสู่ปัญหาการบดเคี้ยวอาหาร รวมถึงความยากในการทำความสะอาดฟัน
  3. หลีกเลี่ยงการทำฟันปลอมหรือรากฟันเทียม: หากถอนฟันออกไป ทางเลือกในการทดแทนฟันที่หายไปคือ การใส่ฟันปลอมชนิดถอดได้, การทำสะพานฟัน, หรือการฝังรากฟันเทียม ซึ่งแต่ละวิธีก็มีค่าใช้จ่าย ขั้นตอน และการดูแลรักษาที่แตกต่างกันออกไป การรักษารากฟันจึงช่วยหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายและขั้นตอนเหล่านี้
  4. ลดการแพร่กระจายของการติดเชื้อ: การกำจัดเชื้อโรคออกจากโพรงประสาทฟัน ช่วยหยุดยั้งการลุกลามของเชื้อไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกาย เช่น กระดูกขากรรไกร หรือแม้กระทั่งกระแสเลือด ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่รุนแรงขึ้นได้
  5. คงความแข็งแรงของกระดูกขากรรไกร: การมีฟันอยู่ครบทุกซี่ช่วยรักษากระดูกขากรรไกรให้คงความหนาแน่นและแข็งแรง หากถอนฟันออกไป กระดูกบริเวณนั้นอาจมีการยุบตัวลงเมื่อเวลาผ่านไป


รักษารากฟัน ราคาเท่าไหร่? ปัจจัยที่มีผลต่อค่าใช้จ่าย

ราคาการรักษารากฟัน ไม่มีราคาตายตัว ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ดังนี้:

  1. ตำแหน่งของฟัน:
  2. ฟันหน้า: มักมีรากเดียวและรักษาง่ายที่สุด จึงมีราคาถูกที่สุด
  3. ฟันกรามน้อย: มักมี 1-2 ราก ราคาปานกลาง
  4. ฟันกรามใหญ่: มักมี 3-4 ราก หรือซับซ้อนกว่า จึงมีราคาสูงที่สุด
  5. ความซับซ้อนของกรณี:
  6. จำนวนคลองรากฟัน: ฟันแต่ละซี่มีจำนวนคลองรากฟันไม่เท่ากัน หากมีหลายคลอง หรือคลองรากฟันโค้งงอ ผิดปกติ จะใช้เวลาและค่าใช้จ่ายมากขึ้น
  7. การติดเชื้อซ้ำซ้อน: หากเคยรักษารากฟันมาแล้วแต่ล้มเหลว หรือมีการติดเชื้อซ้ำซ้อน อาจต้องทำการรักษารากฟันใหม่ ซึ่งจะซับซ้อนและมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการรักษาครั้งแรก
  8. การใช้เครื่องมือพิเศษ: กรณีที่ยาก อาจต้องใช้กล้องจุลทรรศน์ทางทันตกรรม (Dental Operating Microscope) เพื่อช่วยให้ทันตแพทย์มองเห็นรายละเอียดได้ชัดเจนขึ้น ซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
  9. ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง:
  10. ค่าเอกซเรย์: จำเป็นต้องมีการเอกซเรย์ก่อนและระหว่างการรักษา
  11. ค่าทำเดือยฟัน (Post & Core): หากเนื้อฟันเหลือน้อยหลังจากรักษารากฟัน ทันตแพทย์อาจแนะนำให้ทำเดือยฟันเพื่อเพิ่มความแข็งแรงก่อนทำครอบฟัน
  12. ค่าครอบฟัน: เป็นสิ่งสำคัญที่มักแนะนำให้ทำหลังรักษารากฟัน เพื่อป้องกันฟันที่เปราะบางจากการแตกหัก เนื่องจากฟันที่รักษารากฟันแล้วจะไม่มีเส้นเลือดมาหล่อเลี้ยง ทำให้ฟันแห้งและเปราะง่ายกว่าปกติ ค่าครอบฟัน จึงเป็นค่าใช้จ่ายที่ต้องพิจารณาร่วมด้วย
  13. ค่าฉีดยาชา
  14. ค่าเปิดคลินิก/ค่าบริการอื่นๆ

โดยเฉลี่ยแล้ว รักษารากฟันราคา อาจอยู่ในช่วงตั้งแต่หลักพันปลายๆ ไปจนถึงหลายหมื่นบาทต่อซี่ ขึ้นอยู่กับปัจจัยข้างต้น เพื่อให้ได้ราคาที่แม่นยำที่สุด ควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อประเมินสภาพฟันและวางแผนการรักษา


ขั้นตอนการรักษารากฟันโดยทั่วไป

การรักษารากฟันมักใช้เวลา 1-3 ครั้ง ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของฟันและการติดเชื้อ:

  1. ตรวจวินิจฉัยและเอกซเรย์: ทันตแพทย์จะประเมินสภาพฟัน ถ่ายเอกซเรย์เพื่อดูจำนวนรากฟันและสภาพการติดเชื้อ
  2. ฉีดยาชาและวางแผ่นยางกันน้ำลาย: เพื่อให้ผู้ป่วยไม่รู้สึกเจ็บและป้องกันน้ำลายเข้าสู่คลองรากฟัน
  3. เปิดโพรงประสาทฟัน: ทันตแพทย์จะกรอเปิดส่วนบนของฟันเพื่อเข้าถึงโพรงประสาทฟัน
  4. ทำความสะอาดและขยายคลองรากฟัน: ใช้เครื่องมือขนาดเล็กทำความสะอาดเนื้อเยื่อที่ติดเชื้อออกไป ขยายคลองรากฟันให้พร้อมสำหรับการอุด
  5. ล้างและฆ่าเชื้อ: ล้างคลองรากฟันด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ และอาจใส่ยาฆ่าเชื้อทิ้งไว้ในกรณีที่มีการติดเชื้อรุนแรง
  6. อุดคลองรากฟัน: เมื่อคลองรากฟันสะอาดและแห้ง ทันตแพทย์จะอุดด้วยวัสดุพิเศษ (Gutta-percha)
  7. บูรณะฟัน: อุดฟันชั่วคราวหรือถาวร จากนั้นทันตแพทย์จะแนะนำให้ทำครอบฟันเพื่อป้องกันฟัน


การดูแลหลังรักษารากฟัน เพื่อผลลัพธ์ที่ยั่งยืนและสุขภาพช่องปากที่ดี

หลังจากการ รักษารากฟัน สำเร็จ คุณอาจรู้สึกโล่งใจที่อาการปวดหายไป แต่การดูแลหลังการรักษาก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน เพื่อให้ฟันซี่นั้นสามารถใช้งานได้อย่างแข็งแรงยาวนาน และป้องกันปัญหาแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ การปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์อย่างเคร่งครัดจะช่วยให้คุณรักษาสุขภาพฟันที่ดีไว้ได้


อาการที่อาจพบและวิธีรับมือ

หลังจากการรักษารากฟันเสร็จสิ้น อาจมีอาการบางอย่างเกิดขึ้นได้ ซึ่งโดยส่วนใหญ่เป็นเรื่องปกติและจะค่อยๆ ดีขึ้น:

  • อาการเสียวฟัน/ปวดตื้อๆ: เป็นอาการที่พบได้บ่อยที่สุด อาจรู้สึกเสียวฟันหรือปวดตื้อๆ บริเวณฟันที่ได้รับการรักษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเคี้ยวอาหาร อาการเหล่านี้มักไม่รุนแรงและจะค่อยๆ ดีขึ้นภายในไม่กี่วันหรือไม่กี่สัปดาห์
  • วิธีรับมือ: ทันตแพทย์อาจสั่งยาแก้ปวด หรือแนะนำให้รับประทานยาแก้ปวดทั่วไป เช่น ไอบูโพรเฟน หรือพาราเซตามอล หากอาการปวดรุนแรงขึ้นหรือไม่ทุเลาลง ควรกลับไปพบทันตแพทย์
  • เหงือกบวมแดงเล็กน้อย: หากน้ำยาหรือเครื่องมือสัมผัสโดนเหงือก อาจทำให้เหงือกบวมแดงเล็กน้อยชั่วคราว
  • วิธีรับมือ: สามารถประคบเย็นที่ข้างแก้มบริเวณที่บวมเพื่อช่วยลดอาการ
  • ความรู้สึกแปลกๆ ที่ฟัน: ฟันที่ได้รับการรักษารากฟันอาจมีความรู้สึกแตกต่างจากฟันซี่อื่นเล็กน้อยในช่วงแรก เนื่องจากโครงสร้างภายในมีการเปลี่ยนแปลง


ข้อควรปฏิบัติหลังการรักษารากฟัน

เพื่อให้ฟันที่รักษารากฟันคงสภาพดีและแข็งแรง ควรปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้อย่างเคร่งครัด:

  1. รับประทานยาตามคำแนะนำของทันตแพทย์: หากทันตแพทย์สั่งยาปฏิชีวนะหรือยาแก้ปวด ให้รับประทานยาตามขนาดและระยะเวลาที่กำหนดอย่างเคร่งครัด แม้ว่าอาการจะดีขึ้นแล้วก็ตาม เพื่อป้องกันการติดเชื้อซ้ำ
  2. หลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารแข็ง: โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ฟันยังไม่ได้รับการบูรณะขั้นสุดท้าย (เช่น ยังไม่ได้ใส่ครอบฟัน) ควรหลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารแข็ง เหนียว หรือกรอบ บริเวณฟันซี่ที่รักษา เพื่อป้องกันฟันแตกหรือหัก เพราะฟันที่รักษารากฟันแล้วจะมีความเปราะบางกว่าฟันปกติ
  3. ดูแลสุขอนามัยช่องปากอย่างสม่ำเสมอ: แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้งด้วยแปรงสีฟันขนนุ่ม ใช้ไหมขัดฟันทุกวัน และใช้น้ำยาบ้วนปากตามความเหมาะสม การรักษาความสะอาดในช่องปากช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อซ้ำ
  4. มาพบทันตแพทย์ตามนัดเพื่อทำครอบฟัน: นี่คือขั้นตอนที่ สำคัญที่สุด หลังการรักษารากฟัน ฟันที่ได้รับการรักษารากฟันแล้วจะไม่มีเส้นเลือดมาหล่อเลี้ยง ทำให้ฟันเปราะบางและมีโอกาสแตกหักได้ง่ายมาก การทำ ครอบฟัน จะช่วยปกป้องฟันจากแรงบดเคี้ยวและเพิ่มความแข็งแรงให้กับฟัน ทำให้สามารถใช้งานได้เหมือนฟันปกติ หากละเลยการทำครอบฟัน ฟันอาจแตกหักได้ง่ายและอาจนำไปสู่การสูญเสียฟันซี่นั้นในที่สุด
  5. หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง: งดการกัดหรือเคี้ยวน้ำแข็ง ดินสอ หรือของแข็งอื่นๆ รวมถึงหลีกเลี่ยงการใช้ฟันที่ได้รับการรักษารากฟันไปเปิดฝาขวดต่างๆ
  6. พบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพฟันเป็นประจำ: ควรพบทันตแพทย์ทุก 6 เดือน หรือตามที่ทันตแพทย์แนะนำ เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากโดยรวม ตรวจสอบสภาพฟันที่ได้รับการรักษารากฟัน และขูดหินปูน


สัญญาณเตือนที่ควรรีบพบทันตแพทย์

แม้ว่าอาการข้างเคียงส่วนใหญ่จะหายไปเอง แต่หากพบอาการดังต่อไปนี้ ควรรีบกลับไปพบทันตแพทย์ทันที:

  • อาการปวดรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ: ไม่ทุเลาลงด้วยยาแก้ปวด หรืออาการแย่ลงหลังจากผ่านไปหลายวัน
  • มีอาการบวมอย่างเห็นได้ชัด: บริเวณฟัน เหงือก หรือใบหน้า
  • มีหนองหรือน้ำเหลืองไหลออกมาจากฟันหรือเหงือก: เป็นสัญญาณของการติดเชื้อ
  • รู้สึกว่าฟันไม่สบกัน หรือมีแรงกดผิดปกติ: หลังจากรักษารากฟัน
  • วัสดุอุดชั่วคราวหลุดหรือแตก: ควรรีบกลับไปให้ทันตแพทย์อุดให้ใหม่ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ

การดูแลฟันหลังการรักษารากฟันอย่างเหมาะสมจะช่วยให้คุณสามารถใช้ฟันซี่นั้นได้อย่างมั่นใจไปอีกนาน อย่าละเลยการทำ ครอบฟัน และการมาพบทันตแพทย์ตามนัด เพื่อรักษาสุขภาพช่องปากที่ดีของคุณ


รักษารากฟันเจ็บไหม? ไขข้อข้องใจความเจ็บปวดในการรักษารากฟัน

คำถามยอดฮิตที่หลายคนกังวลเมื่อพูดถึง การรักษารากฟัน คือ "จะเจ็บไหม?" ความกังวลนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะภาพจำของการทำฟันที่เกี่ยวข้องกับความเจ็บปวดมักจะติดอยู่ในใจ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ด้วยเทคโนโลยีและเทคนิคทางทันตกรรมที่ก้าวหน้าไปมากในปัจจุบัน การรักษารากฟันไม่ได้เจ็บอย่างที่คิด และมักจะช่วย บรรเทาอาการปวด ที่เกิดจากการติดเชื้อเสียมากกว่า


สาเหตุของความเจ็บปวดก่อนการรักษา

ก่อนที่จะได้รับการรักษารากฟัน ผู้ป่วยมักจะมีอาการปวดอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นผลมาจากการติดเชื้อหรือการอักเสบภายในโพรงประสาทฟัน อาการเหล่านี้อาจรวมถึง:

  • อาการปวดฟันต่อเนื่อง: ปวดตุบๆ อย่างรุนแรง หรือปวดตื้อๆ ที่ไม่หายไป
  • ปวดเมื่อเคี้ยวอาหาร: หรือเมื่อมีแรงกดที่ฟัน
  • เสียวฟันมาก: เมื่อรับประทานอาหารร้อนหรือเย็น
  • เหงือกบวม: หรือมีตุ่มหนองบริเวณเหงือกใกล้ฟันซี่ที่มีปัญหา

อาการปวดเหล่านี้เองที่เป็นสาเหตุให้ผู้ป่วยต้องมาพบทันตแพทย์เพื่อรักษารากฟัน ซึ่งจุดประสงค์ของการรักษาคือการกำจัดต้นตอของความเจ็บปวดเหล่านี้ออกไป


เจ็บน้อยลงด้วยยาชาและเทคนิคที่ทันสมัย

ทันตแพทย์จะดูแลให้คุณรู้สึกสบายที่สุดตลอดขั้นตอน การรักษารากฟัน โดยมีปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดความเจ็บปวดดังนี้:

  1. ยาชาเฉพาะที่ประสิทธิภาพสูง: ก่อนเริ่มการรักษา ทันตแพทย์จะฉีดยาชาเฉพาะที่บริเวณรอบๆ ฟันที่จะทำการรักษา ยาชาจะออกฤทธิ์อย่างรวดเร็วและทำให้บริเวณนั้นชาสนิท คุณจะไม่รู้สึกเจ็บปวดในระหว่างที่ทันตแพทย์กำลังทำหัตถการ การฉีดยาชาอาจรู้สึกเหมือนโดนมดกัดเล็กน้อยในตอนแรก แต่หลังจากนั้นคุณจะไม่รู้สึกอะไรเลย
  2. เครื่องมือที่ทันสมัย: คลินิกทันตกรรมส่วนใหญ่ในปัจจุบันมีเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ทันสมัยช่วยให้การรักษารากฟันมีประสิทธิภาพและใช้เวลาน้อยลง เช่น เครื่องมือหมุนอัตโนมัติ (Rotary file) ที่ช่วยทำความสะอาดคลองรากฟันได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ รวมถึงเครื่องตรวจวัดความยาวคลองรากฟัน (Apex Locator) ที่ช่วยให้การทำงานเที่ยงตรงมากขึ้น
  3. ทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ: ทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการรักษารากฟันจะสามารถทำหัตถการได้อย่างนุ่มนวลและมีประสิทธิภาพ ช่วยลดความรู้สึกไม่สบายในระหว่างการรักษา
  4. การป้องกันการติดเชื้อซ้ำ: การวางแผ่นยางกั้นน้ำลาย (Rubber Dam) จะช่วยแยกฟันซี่ที่กำลังรักษาออกจากน้ำลายในช่องปาก ซึ่งมีเชื้อแบคทีเรียอยู่ เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อเข้าไปในคลองรากฟัน และช่วยให้ทันตแพทย์ทำงานได้สะดวกขึ้น


ความรู้สึกหลังการรักษา

หลังยาชาหมดฤทธิ์ คุณอาจจะรู้สึก ปวดตื้อๆ หรือ เสียวฟัน เล็กน้อยบริเวณฟันที่ได้รับการรักษา ซึ่งเป็นอาการปกติที่เกิดขึ้นได้จากการอักเสบหลังการรักษา แต่ความเจ็บปวดเหล่านี้มักจะไม่รุนแรงเท่าอาการปวดก่อนการรักษา และสามารถบรรเทาได้ด้วยยาแก้ปวดที่ทันตแพทย์สั่งให้ หรือยาแก้ปวดทั่วไป เช่น ไอบูโพรเฟน หรือพาราเซตามอล อาการเหล่านี้มักจะดีขึ้นภายในไม่กี่วันหรือไม่เกินหนึ่งสัปดาห์

หากคุณมีอาการปวดรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ มีอาการบวม หรือมีหนองไหลออกมา ควรรีบกลับไปพบทันตแพทย์ทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อหรือมีภาวะแทรกซ้อน


การรักษารากฟันไม่น่ากลัวอย่างที่คิด

ความเชื่อที่ว่า รักษารากฟันเจ็บมาก นั้นไม่เป็นความจริงเสมอไป ด้วยเทคโนโลยีและยาชาที่ทันสมัย ทำให้ขั้นตอนการรักษาเป็นไปอย่างราบรื่นและไม่เจ็บปวด ที่สำคัญที่สุดคือการรักษารากฟันช่วย กำจัดต้นตอของความเจ็บปวด ที่คุณเคยเป็นอยู่ และช่วยให้คุณสามารถเก็บฟันแท้ซี่นั้นไว้ใช้งานได้อย่างเป็นปกติ

ดังนั้น หากคุณมีอาการปวดฟันที่เข้าข่ายต้องรักษารากฟัน อย่าลังเลที่จะไปพบทันตแพทย์ เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้องและปลอดภัย เพื่อสุขภาพฟันที่ดีของคุณในระยะยาว


ให้เพ็ชราคลินิกดูแลรอยยิ้มของคุณ

หากคุณกำลังประสบปัญหาปวดฟัน หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการ รักษารากฟัน และ ราคาการรักษารากฟัน รวมถึงขั้นตอนต่างๆ

เพ็ชราคลินิก พร้อมให้บริการด้วยทีมทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเครื่องมือที่ทันสมัย เราเข้าใจถึงความกังวลของคุณและพร้อมให้คำปรึกษาอย่างละเอียด เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ เพื่อสุขภาพฟันที่แข็งแรงและรอยยิ้มที่มั่นใจได้อย่างยาวนาน

ให้เพ็ชราคลินิกเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลสุขภาพช่องปากของคุณวันนี้



สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

 โทร. 094-741-9369


 เวลาเปิด-ปิด วันจันทร์-เสาร์ เวลา 09.00-19.00 น.
พิกัด: 
https://goo.gl/maps/qUCfWj9PNAhcPuyr8

ปรึกษาทันตแพทย์

บทความอื่นๆ

จัดฟันแก้ฟันล่างคร่อมฟันบน แก้ได้ไหม? ต้องผ่าตัดหรือไม่?
By Petchraradentalclinic July 30, 2025
คำถามที่พบบ่อยสำหรับผู้ที่มีภาวะนี้คือ "ฟันล่างคร่อมฟันบน แก้ได้ไหม?" และ "ต้องผ่าตัดหรือไม่?" คำตอบคือ สามารถแก้ไขได้ และในหลายกรณีอาจไม่จำเป็นต้องผ่าตัดเสมอไป
5 ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการจัดฟัน ที่คุณควรรู้
By Petcharadentalclinic July 28, 2025
การจัดฟันเป็นที่นิยมมากขึ้น แต่ก็มีความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการจัดฟันแพร่กระจายอยู่มาก อาจทำให้หลายคนเข้าใจผิดมาดูกันว่า 5 ความเชื่อผิดๆ ที่พบบ่อยมีอะไรบ้าง
ฟันห่างจัดฟันได้ไหม ทางเลือกในการรักษาฟันห่างให้กลับมายิ้มสวยมั่นใจ
By Petcharadentalclinic July 25, 2025
ฟันห่าง เป็นหนึ่งข้อกังวล ทำให้หลายคนไม่มั่นใจที่จะยิ้มหรือพูดคุย ฟันห่างไม่เพียงแต่ส่งผลต่อความสวยงามของรอยยิ้มเท่านั้น แต่ยังอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพช่องปากอื่นๆ ได้