เมื่อไหร่ต้องรักษารากฟัน สัญญาณเตือนที่บอกว่าฟันกำลังมีปัญหา

Petcharadentalclinic • August 4, 2025

เมื่อไหร่ต้องรักษารากฟัน? สัญญาณเตือนที่บอกว่าฟันกำลังมีปัญหา

เมื่อไหร่ต้องรักษารากฟัน สัญญาณเตือนที่บอกว่าฟันกำลังมีปัญหา

การรักษารากฟัน ฟังดูน่ากลัวสำหรับใครหลายคน แต่จริงๆ แล้วคือการรักษาเพื่อเก็บฟันธรรมชาติซี่นั้นไว้ ไม่ต้องถอนออกไปก่อนวัยอันควร แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าฟันของเราเริ่มมีปัญหาจนถึงขั้นต้องรักษารากฟัน? บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจสัญญาณเตือนที่สำคัญ พร้อมทำความเข้าใจว่าการรักษารากฟันคืออะไร และทำไมคุณไม่ควรมองข้ามปัญหานี้


การรักษารากฟันคืออะไร?

การรักษารากฟัน (Root Canal Treatment) คือกระบวนการทางทันตกรรมที่ทันตแพทย์จะทำการกำจัดเนื้อเยื่อในโพรงประสาทฟัน (Pulp) ที่ติดเชื้อ อักเสบ หรือเสียหายออกไป ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อภายในคลองรากฟัน จากนั้นจึงอุดคลองรากฟันด้วยวัสดุพิเศษเพื่อป้องกันการติดเชื้อซ้ำในอนาคต การรักษาแบบนี้จะช่วยให้คุณสามารถเก็บฟันซี่นั้นไว้ใช้งานได้ตามปกติ โดยไม่ต้องถอนทิ้งไป


สัญญาณเตือนที่บอกว่าคุณอาจต้องรักษารากฟัน: รู้ไว้...ไม่เสียฟัน!

การรักษารากฟันมักจะเป็นทางเลือกสุดท้ายเมื่อฟันมีปัญหาลึกซึ้งถึงโพรงประสาทฟัน แต่ก่อนที่อาการจะลุกลามจนเกินเยียวยา ฟันของเรามักจะส่งสัญญาณเตือนให้เราได้รู้ บทความนี้จะเจาะลึกถึงสัญญาณสำคัญที่คุณควรรู้ เพื่อให้คุณสามารถสังเกตและรีบปรึกษาทันตแพทย์ได้ทันท่วงที ก่อนที่ปัญหาจะบานปลายจนต้องเสียฟันไป


1. อาการปวดฟันอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง

นี่คือสัญญาณเตือนอันดับหนึ่งที่มักจะนำไปสู่การรักษารากฟัน หากคุณมีอาการเหล่านี้ อย่าได้ละเลย:

  • ปวดแบบไม่หายขาด: คุณอาจรู้สึกปวดฟันเป็นๆ หายๆ หรือปวดตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นตอนนอนหลับ ตอนพักผ่อน หรือแม้แต่ตอนที่ไม่ได้ใช้งานฟันซี่นั้นเลย
  • ปวดเมื่อเคี้ยวหรือออกแรงกัด: ความรู้สึกปวดจะชัดเจนขึ้นเมื่อคุณเคี้ยวอาหาร หรือแม้แต่แค่ฟันกระทบกันเบาๆ ซึ่งบ่งบอกว่ามีการอักเสบที่ปลายรากฟัน
  • ปวดลึกและปวดร้าว: อาการปวดอาจไม่ใช่แค่ที่ฟันซี่เดียว แต่อาจปวดร้าวไปถึงบริเวณกราม ใบหน้า หรือหู ซึ่งแสดงว่าการอักเสบกำลังลุกลาม


2. อาการเสียวฟันหรือปวดฟันเมื่อสัมผัสกับความร้อนหรือความเย็นที่ผิดปกติ

ทุกคนอาจเคยมีอาการเสียวฟันเมื่อทานของร้อนหรือเย็น แต่ถ้าคุณมีอาการดังต่อไปนี้ นั่นไม่ใช่แค่การเสียวฟันธรรมดา:

  • เสียวหรือปวดค้างนาน: เมื่อฟันสัมผัสกับความร้อน (เช่น กาแฟร้อน) หรือความเย็น (เช่น ไอศกรีม) แล้วอาการเสียวหรือปวดยังคงอยู่เป็นเวลานานหลายวินาทีหรือหลายนาที แม้จะเอาสิ่งกระตุ้นนั้นออกไปแล้วก็ตาม
  • อาการปวดรุนแรงขึ้น: ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นไม่ได้แค่เสียวจี๊ดๆ แต่เป็นอาการปวดที่รุนแรงจนทำให้คุณต้องหยุดกิจกรรมนั้นๆ ทันที


3. เหงือกบวม มีตุ่มหนอง หรือบวมแดงบริเวณรอบฟัน

การติดเชื้อที่ปลายรากฟันสามารถทำให้เกิดการอักเสบและบวมบริเวณเหงือกได้ สังเกตอาการเหล่านี้:

  • เหงือกบวมแดงและเจ็บ: บริเวณเหงือกใกล้กับฟันซี่ที่มีปัญหาอาจมีอาการบวมแดง กดแล้วรู้สึกเจ็บ หรือบวมโตจนเห็นได้ชัด
  • มีตุ่มหนองคล้ายสิว (Fistula/Abscess): อาจมีตุ่มเล็กๆ คล้ายสิวเม็ดขาวๆ หรือแดงๆ เกิดขึ้นที่เหงือกบริเวณปลายรากฟัน ซึ่งอาจมีหนองไหลออกมาเป็นระยะๆ ทำให้มีรสชาติเค็มๆ หรือมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ในปาก
  • บวมที่ใบหน้าหรือลำคอ: ในกรณีที่การติดเชื้อรุนแรงมาก เชื้อโรคอาจลุกลามจนทำให้เกิดอาการบวมที่แก้ม กราม หรือแม้กระทั่งบริเวณลำคอ


4. ฟันเปลี่ยนสี หรือมีสีคล้ำขึ้น

เมื่อเนื้อเยื่อในโพรงประสาทฟันตายลง ฟันซี่นั้นอาจมีการเปลี่ยนแปลงสีอย่างชัดเจน:

  • สีฟันคล้ำลง: ฟันอาจมีสีเทา ดำ หรือน้ำตาลคล้ำลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับฟันซี่อื่นๆ เนื่องจากไม่มีเลือดไปหล่อเลี้ยงและมีการย่อยสลายของเนื้อเยื่อภายใน


5. ฟันโยก หรือรู้สึกว่าฟันซี่นั้นไม่มั่นคง

แม้จะไม่ใช่สัญญาณที่พบบ่อยเท่าอาการปวด แต่ในบางกรณีการติดเชื้อที่รุนแรงและเรื้อรังที่ปลายรากฟัน อาจส่งผลให้กระดูกรอบๆ รากฟันถูกทำลาย ทำให้ฟันเริ่มมีอาการโยกเล็กน้อย หรือรู้สึกไม่มั่นคง


6. มีหนองไหลออกจากบริเวณรอบๆ ฟัน หรือมีรสชาติไม่ดีในปาก

การติดเชื้อที่รากฟันอาจทำให้เกิดหนองสะสมอยู่ภายใน และเมื่อหนองหาทางระบายออก อาจทำให้คุณรู้สึก:

  • มีรสชาติแปลกๆ ในปาก: คล้ายมีรสเค็ม ขม หรือรสชาติไม่พึงประสงค์อื่นๆ ที่มาจากหนองที่รั่วไหลออกมา
  • มีกลิ่นปาก: เกิดจากแบคทีเรียและหนองที่สะสมอยู่ในบริเวณที่มีการติดเชื้อ


7. มีประวัติฟันผุลึกมาก หรือฟันได้รับบาดเจ็บรุนแรง

ปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้อาจทำให้คุณจำเป็นต้องรักษารากฟันในอนาคต แม้ว่าในตอนนี้จะยังไม่มีอาการก็ตาม:

  • ฟันผุลึกถึงโพรงประสาทฟัน: ทันตแพทย์อาจวินิจฉัยว่าฟันผุลึกมากจนเกือบถึง หรือเข้าถึงโพรงประสาทฟันแล้ว ซึ่งจะทำให้เกิดการติดเชื้อในอนาคตได้ง่าย
  • ฟันบิ่น แตก หัก หรือมีรอยร้าวลึก: อุบัติเหตุที่ทำให้ฟันได้รับความเสียหายรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากรอยแตกหรือร้าวลึกไปถึงโพรงประสาทฟัน แม้จะยังไม่มีอาการปวดในทันที แต่เชื้อโรคสามารถเข้าสู่ภายในได้และอาจนำไปสู่การติดเชื้อในภายหลัง


ทำไมการรีบพบทันตแพทย์จึงสำคัญ?

หากคุณมีสัญญาณเตือนเหล่านี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือการ รีบปรึกษาทันตแพทย์โดยเร็วที่สุด อย่ารอให้ความเจ็บปวดทนไม่ไหว หรืออาการแย่ลง เพราะการปล่อยทิ้งไว้อาจนำไปสู่:

  • การติดเชื้อลุกลาม: เชื้อโรคจากรากฟันสามารถแพร่กระจายไปยังกระดูกขากรรไกร เนื้อเยื่อข้างเคียง หรือแม้กระทั่งเข้าสู่กระแสเลือด ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ในบางกรณี (เช่น การติดเชื้อที่ทำให้เกิดภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด)
  • ต้องถอนฟัน: หากการติดเชื้อรุนแรงมาก หรือปล่อยไว้นานจนฟันถูกทำลายมากเกินไป ทันตแพทย์อาจไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องถอนฟันซี่นั้นทิ้งไป ซึ่งจะส่งผลต่อการบดเคี้ยวและอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายในการทำฟันปลอม หรือรากฟันเทียมในอนาคต
  • การรักษาซับซ้อนขึ้น: การรอให้ปัญหารุนแรงขึ้นอาจทำให้ขั้นตอนการรักษารากฟันซับซ้อนและใช้เวลานานขึ้น



สาเหตุหลักที่ทำให้ต้องรักษารากฟัน: ทำไมฟันของเราถึงเจ็บปวดลึกถึงข้างใน?

การรักษารากฟันมักเกิดขึ้นเมื่อฟันของเราได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงจนกระทบถึงเนื้อเยื่ออ่อนภายในที่เรียกว่า "โพรงประสาทฟัน" ซึ่งประกอบด้วยเส้นเลือด เส้นประสาท และเนื้อเยื่อเกี่ยวพันต่างๆ เมื่อโพรงประสาทฟันเกิดการติดเชื้อหรืออักเสบอย่างรุนแรง ก็ถึงเวลาที่ต้องพิจารณาการรักษารากฟัน เพื่อกำจัดปัญหาและรักษาฟันธรรมชาติซี่นั้นไว้ สาเหตุหลักๆ ที่นำไปสู่ปัญหานี้ มีดังนี้ครับ


1. ฟันผุลึกมากจนถึงโพรงประสาทฟัน

นี่คือสาเหตุอันดับหนึ่งที่พบบ่อยที่สุดที่ทำให้ต้องรักษารากฟัน

  • การลุกลามของแบคทีเรีย: เมื่อฟันผุเริ่มต้นที่ชั้นเคลือบฟัน (Enamel) และลุกลามไปยังชั้นเนื้อฟัน (Dentin) หากไม่ได้รับการรักษา โพรงฟันที่ผุจะขยายลึกขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดก็ทะลุไปถึง โพรงประสาทฟัน (Pulp Chamber) ซึ่งเป็นที่อยู่ของเนื้อเยื่อประสาทและเส้นเลือด
  • การติดเชื้อและอักเสบ: เมื่อแบคทีเรียและสารพิษจากฟันผุเข้าสู่โพรงประสาทฟัน จะทำให้เนื้อเยื่อภายในเกิดการอักเสบ บวม และติดเชื้ออย่างรุนแรง ซึ่งนำไปสู่ความเจ็บปวด และหากปล่อยทิ้งไว้ เนื้อเยื่อเหล่านั้นก็จะตายลงในที่สุด


2. ฟันแตก ฟันหัก หรือฟันร้าวลึก

การได้รับบาดเจ็บที่ฟันอย่างรุนแรงสามารถทำให้เกิดปัญหาที่รากฟันได้โดยตรง

  • อุบัติเหตุและการกระแทก: การหกล้ม ฟันกระทบของแข็ง การบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา หรือแม้แต่การกัดโดนอาหารแข็งๆ มากๆ อาจทำให้ฟันบิ่น แตก หรือหักได้
  • รอยร้าวที่ลึกถึงโพรงประสาทฟัน: บางครั้งรอยร้าวบนฟันอาจมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่หากรอยร้าวนั้นลึกทะลุไปถึงโพรงประสาทฟัน จะเป็นช่องทางให้แบคทีเรียเข้าสู่ภายในได้ นำไปสู่การอักเสบและการติดเชื้อ แม้จะยังไม่มีอาการปวดในทันที
  • ฟันที่ได้รับการอุดขนาดใหญ่หลายครั้ง: ฟันที่เคยได้รับการอุดมาแล้วหลายครั้ง หรือมีวัสดุอุดขนาดใหญ่ อาจมีความแข็งแรงลดลง ทำให้เสี่ยงต่อการแตกหรือร้าวได้ง่ายขึ้น


3. การอักเสบของโพรงประสาทฟันจากการรักษาฟันที่ซับซ้อน

บางครั้ง การรักษาทางทันตกรรมที่ซับซ้อนหรือทำซ้ำๆ ในฟันซี่เดิม ก็อาจส่งผลกระทบต่อโพรงประสาทฟันได้

  • การกรอฟันลึกใกล้โพรงประสาทฟัน: ในบางกรณีของการอุดฟันซี่ที่ผุลึกมาก การกรอฟันเพื่อกำจัดเนื้อฟันที่ผุอาจอยู่ใกล้กับโพรงประสาทฟันมากเกินไป ทำให้เกิดการระคายเคืองและอักเสบตามมา
  • การบูรณะฟันขนาดใหญ่ซ้ำๆ: ฟันที่ได้รับการซ่อมแซมครั้งแล้วครั้งเล่า เช่น การเปลี่ยนวัสดุอุดฟันหลายครั้ง หรือการทำครอบฟัน อาจทำให้โพรงประสาทฟันได้รับความบอบช้ำสะสม จนเกิดการอักเสบหรือเนื้อเยื่อตายในภายหลังได้


4. โรคเหงือกอักเสบและโรคปริทันต์ที่รุนแรง

แม้จะพบน้อยกว่า แต่โรคเหงือกที่รุนแรงก็สามารถลุกลามไปถึงรากฟันได้

  • การลุกลามของเชื้อโรค: หากโรคเหงือกอักเสบ (Gingivitis) พัฒนาไปสู่โรคปริทันต์ (Periodontitis) ที่มีการทำลายกระดูกรองรับฟัน เชื้อแบคทีเรียจากเหงือกและกระดูกที่ติดเชื้ออาจลามเข้าไปในคลองรากฟันผ่านทางช่องเปิดเล็กๆ บริเวณปลายรากฟัน ทำให้เกิดการติดเชื้อภายในได้


5. การเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาและปัญหาอื่นๆ

  • ฟันที่ได้รับการกระแทกแต่ยังไม่แตก: บางครั้งฟันอาจได้รับการกระแทกอย่างรุนแรง แต่ไม่ถึงกับแตกหัก เนื้อเยื่อในโพรงประสาทฟันอาจตายลงช้าๆ ในเวลาต่อมา โดยไม่มีอาการปวดในทันที
  • การสึกของฟันอย่างรุนแรง: การกัดฟัน การนอนกัดฟัน หรือการแปรงฟันที่ผิดวิธี ทำให้ฟันสึกกร่อนลงไปเรื่อยๆ จนใกล้ถึงโพรงประสาทฟัน ทำให้เกิดการอักเสบและติดเชื้อได้
  • ฟันที่มีการสลายตัวของรากฟัน (Internal/External Resorption): เป็นภาวะที่เนื้อเยื่อในรากฟันมีการสลายตัวไปเอง ซึ่งสาเหตุไม่ชัดเจนนัก อาจเกี่ยวข้องกับการบาดเจ็บหรือการอักเสบเรื้อรัง



ทำไมต้องรีบรักษารากฟัน? ปล่อยไว้อันตรายกว่าที่คิด!

เมื่อฟันส่งสัญญาณเตือนว่าโพรงประสาทฟันกำลังมีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดรุนแรง เหงือกบวม หรือฟันเปลี่ยนสี การรีบเข้ารับการ รักษารากฟัน เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่คุณไม่ควรมองข้าม เพราะการปล่อยปัญหานี้ทิ้งไว้อาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ร้ายแรงกว่าที่คุณคิด และอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพช่องปากและสุขภาพร่างกายโดยรวมได้


1. ป้องกันการติดเชื้อลุกลามและรุนแรงขึ้น

นี่คือเหตุผลสำคัญที่สุดที่ต้องรีบรักษารากฟัน

  • จากฟันสู่กระดูกและเนื้อเยื่อข้างเคียง: เมื่อโพรงประสาทฟันติดเชื้อ เชื้อแบคทีเรียจะเพิ่มจำนวนและลุกลามจากปลายรากฟันไปยังกระดูกขากรรไกรและเนื้อเยื่ออ่อนรอบๆ ฟัน ซึ่งอาจทำให้เกิด ถุงหนอง (Abscess) ที่ปลายรากฟัน การบวมที่ใบหน้า หรือแม้แต่การติดเชื้อที่ลามไปยังบริเวณคอ
  • การแพร่กระจายเข้าสู่กระแสเลือด: ในบางกรณีที่รุนแรงมาก หากการติดเชื้อไม่ได้รับการรักษา แบคทีเรียอาจเข้าสู่กระแสเลือด (Sepsis) และแพร่กระจายไปยังอวัยวะสำคัญอื่นๆ ในร่างกาย เช่น หัวใจ สมอง หรือปอด ซึ่งเป็นภาวะที่อันตรายถึงชีวิตและจำเป็นต้องได้รับการรักษาในโรงพยาบาลทันที


2. หลีกเลี่ยงการถอนฟันในอนาคต

การรักษารากฟันมีวัตถุประสงค์หลักคือ การรักษาฟันธรรมชาติซี่นั้นไว้

  • โอกาสสุดท้ายในการเก็บฟัน: หากปล่อยให้การติดเชื้อลุกลามและทำลายโครงสร้างฟันไปมาก ทันตแพทย์อาจไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้อง ถอนฟันซี่นั้นทิ้ง ไป
  • ผลกระทบหลังการถอนฟัน: การเสียฟันธรรมชาติหนึ่งซี่ ไม่ได้หมายถึงแค่ช่องว่างในปาก แต่ยังส่งผลต่อ:
  • การบดเคี้ยว: ประสิทธิภาพในการบดเคี้ยวอาหารลดลง
  • การเรียงตัวของฟัน: ฟันข้างเคียงและฟันคู่สบอาจล้มเอียงหรือเคลื่อนตัวเข้าหาช่องว่าง ทำให้เกิดปัญหาการสบฟัน และปัญหาเหงือกตามมา
  • ความสวยงามและมั่นใจ: ส่งผลต่อรูปลักษณ์ภายนอกและความมั่นใจในการยิ้ม
  • ค่าใช้จ่ายในการทดแทนฟัน: การใส่ฟันปลอม สะพานฟัน หรือรากฟันเทียมในภายหลัง มักมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าการรักษารากฟันมาก


3. บรรเทาอาการปวดและลดความทรมาน

อาการปวดจากฟันติดเชื้อในโพรงประสาทฟันมักจะรุนแรงและรบกวนชีวิตประจำวันอย่างมาก

  • หยุดความเจ็บปวด: การรักษารากฟันจะช่วยกำจัดแหล่งที่มาของอาการปวด นั่นคือเนื้อเยื่อที่ติดเชื้อและเส้นประสาทที่อักเสบ เมื่อกำจัดออกไป อาการปวดก็จะหายไป ทำให้คุณกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติสุข
  • ลดการพึ่งพายาแก้ปวด: เมื่ออาการปวดหายไป คุณก็ไม่จำเป็นต้องทานยาแก้ปวดบ่อยๆ ซึ่งอาจมีผลข้างเคียงต่อร่างกายในระยะยาวได้


4. ป้องกันปัญหาที่ซับซ้อนและค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นในระยะยาว

การปล่อยปัญหาฟันติดเชื้อไว้ ยิ่งนานวันยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลง

  • ขั้นตอนการรักษาที่ซับซ้อนขึ้น: หากปล่อยทิ้งไว้นาน การติดเชื้ออาจแพร่กระจายและทำให้การรักษาซับซ้อนขึ้น เช่น อาจต้องมีการระบายหนองก่อน หรืออาจต้องรักษารากฟันมากกว่า 1 ครั้ง
  • ค่าใช้จ่ายที่บานปลาย: เมื่อเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงขึ้น เช่น ต้องถอนฟัน ต้องใส่รากฟันเทียม หรือต้องรักษาการติดเชื้อที่ลุกลามไปยังส่วนอื่นของร่างกาย ค่าใช้จ่ายในการรักษาย่อมสูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


5. รักษาคุณภาพชีวิต

สุขภาพช่องปากที่ดีส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตโดยรวม

  • รับประทานอาหารได้ปกติ: เมื่อฟันหายปวดและใช้งานได้ดี คุณก็จะสามารถรับประทานอาหารได้อย่างหลากหลายและเพลิดเพลิน
  • พูดได้อย่างชัดเจน: การมีฟันครบถ้วนช่วยให้การออกเสียงและการพูดเป็นไปอย่างปกติ
  • ยิ้มได้อย่างมั่นใจ: ฟันที่แข็งแรงและปราศจากปัญหาช่วยเสริมสร้างความมั่นใจในตนเองและปฏิสัมพันธ์ทางสังคม

ดังนั้น หากคุณมีอาการที่บ่งบอกว่าฟันอาจมีปัญหาถึงขั้นต้องรักษารากฟัน อย่ารอช้าที่จะ ปรึกษาทันตแพทย์ การวินิจฉัยและการรักษาที่รวดเร็วและถูกต้อง จะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง รักษาฟันธรรมชาติของคุณไว้ได้ และกลับมามีรอยยิ้มที่สดใสและสุขภาพแข็งแรงอีกครั้ง



มีอะไรต้องรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการรักษารากฟัน?

นอกเหนือจากสัญญาณเตือนสำคัญที่เราได้พูดถึงไปแล้ว ยังมีข้อควรรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการรักษารากฟันที่คุณควรทราบ เพื่อให้คุณเข้าใจกระบวนการนี้อย่างถ่องแท้ และเตรียมพร้อมรับมือกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับฟันของคุณ


1. การวินิจฉัยที่แม่นยำเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

แม้ว่าคุณจะสังเกตเห็นสัญญาณเตือนต่างๆ แต่การวินิจฉัยขั้นสุดท้ายว่าต้องรักษารากฟันหรือไม่นั้น ต้องอาศัยการตรวจโดย ทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เท่านั้น

  • การตรวจทางคลินิก: ทันตแพทย์จะทำการตรวจช่องปาก ตรวจดูฟันซี่ที่สงสัย อาจมีการเคาะฟัน กดฟัน หรือใช้น้ำแข็งประคบเพื่อทดสอบการตอบสนองของประสาทฟัน
  • การเอกซเรย์: การเอกซเรย์ฟัน (Dental X-ray) มีความสำคัญอย่างยิ่งในการดูสภาพของรากฟัน กระดูกรอบๆ รากฟัน และรอยโรคที่อาจมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า เช่น หนองที่ปลายรากฟัน หรือการผุที่ลึกมาก


2. การรักษารากฟัน...ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด

หลายคนอาจมีความกังวลหรือกลัวการรักษารากฟันจากประสบการณ์ที่เคยได้ยินมา แต่ในความเป็นจริงแล้ว ด้วยเทคนิคและยาชาที่ทันสมัยในปัจจุบัน การรักษารากฟันมักจะ ไม่เจ็บปวด ในระหว่างขั้นตอนการรักษา

  • ยาชาเฉพาะที่: ทันตแพทย์จะใช้ยาชาเฉพาะที่เพื่อทำให้ฟันและบริเวณรอบๆ ชา คุณจะไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆ ในระหว่างที่ทำการรักษา
  • การควบคุมความเจ็บปวดหลังการรักษา: หลังการรักษา อาจมีอาการเสียวหรือปวดเล็กน้อย ซึ่งสามารถควบคุมได้ด้วยยาแก้ปวดที่ทันตแพทย์แนะนำ และอาการจะค่อยๆ ดีขึ้นในไม่กี่วัน


3. ทำไมบางครั้งไม่มีอาการปวด แต่ต้องรักษารากฟัน?

เป็นไปได้ว่าคุณอาจจำเป็นต้องรักษารากฟันแม้จะไม่มีอาการปวดเลยในขณะนั้น

  • การติดเชื้อเรื้อรัง (Chronic Infection): บางครั้งเชื้อแบคทีเรียที่เข้าสู่โพรงประสาทฟันอาจทำให้เกิดการติดเชื้อแบบเรื้อรัง ซึ่งร่างกายสามารถควบคุมการอักเสบได้ในระดับหนึ่ง ทำให้ไม่เกิดอาการปวดเฉียบพลัน แต่การติดเชื้อยังคงอยู่และอาจทำลายกระดูกรอบปลายรากฟันไปเรื่อยๆ โดยมีหลักฐานคือ รอยโรคที่ปลายรากฟัน (Periapical Lesion) ที่พบจากการเอกซเรย์
  • ฟันตาย (Necrotic Pulp): หากเนื้อเยื่อในโพรงประสาทฟันตายไปแล้ว เส้นประสาทก็จะไม่ส่งสัญญาณความเจ็บปวดอีกต่อไป ทำให้ไม่มีอาการปวด แต่ฟันซี่นั้นยังคงมีการติดเชื้ออยู่และเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรีย ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้อาจเกิดหนองหรือการติดเชื้อลุกลามได้


4. การบูรณะฟันหลังการรักษารากฟันเป็นสิ่งจำเป็น

หลังจากการรักษารากฟันเสร็จสิ้น ฟันซี่นั้นมักจะมีความเปราะบางและเสี่ยงต่อการแตกหักได้ง่ายกว่าฟันปกติ เนื่องจากเนื้อฟันถูกกำจัดออกไปบางส่วน และไม่มีเลือดไปหล่อเลี้ยงแล้ว

  • การครอบฟัน (Crown): โดยทั่วไปแล้ว ทันตแพทย์จะแนะนำให้ทำการ ครอบฟัน เพื่อปกป้องฟันที่รักษารากฟันแล้วจากการแตกหัก โดยเฉพาะฟันหลังที่ต้องรับแรงบดเคี้ยวมาก
  • วัสดุอุดฟัน: ในบางกรณีที่ฟันไม่ได้เสียหายมากนัก ทันตแพทย์อาจใช้วิธี อุดฟันด้วยวัสดุอุดสีเหมือนฟัน ที่มีความแข็งแรงสูง แต่การครอบฟันมักให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าในระยะยาว


5. โอกาสสำเร็จและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น

การรักษารากฟันมีอัตราความสำเร็จสูง แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อน

  • โอกาสสำเร็จ: โดยทั่วไป การรักษารากฟันมีอัตราความสำเร็จสูงถึง 90% หากได้รับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง
  • ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น:
  • การติดเชื้อซ้ำ: อาจเกิดขึ้นได้หากเชื้อโรคไม่ถูกกำจัดออกไปอย่างสมบูรณ์ หรือมีการปนเปื้อนซ้ำ
  • เครื่องมือหักคาคลองรากฟัน: ในบางกรณี เครื่องมือขนาดเล็กที่ใช้ในการทำความสะอาดคลองรากฟันอาจหักคาอยู่ภายในได้ ซึ่งต้องใช้เทคนิคพิเศษในการนำออก
  • ฟันไม่ตอบสนองต่อการรักษา: บางครั้งการติดเชื้ออาจรุนแรงมาก หรือมีโครงสร้างคลองรากฟันที่ซับซ้อน ทำให้การรักษาไม่ประสบความสำเร็จอย่างสมบูรณ์ อาจต้องพิจารณาการรักษาซ้ำ หรือการผ่าตัดปลายรากฟัน
  • ฟันแตก: อย่างที่กล่าวไปแล้ว ฟันที่รักษารากฟันแล้วจะเปราะบางขึ้น หากไม่ได้รับการบูรณะอย่างเหมาะสม อาจเกิดการแตกหักตามมาได้

การทำความเข้าใจข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจเมื่อต้องเผชิญกับปัญหารากฟัน และช่วยให้คุณร่วมมือกับทันตแพทย์ในการรักษาเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และคงรอยยิ้มที่สวยงามไว้กับคุณไปนานๆ


สัญญาณเตือนที่บอกว่าฟันกำลังมีปัญหา: ถึงเวลาปรึกษาเพ็ชราคลินิก

ฟันของเราคือส่วนสำคัญของรอยยิ้มและสุขภาพโดยรวม หากคุณเริ่มมีอาการเหล่านี้ นั่นอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าคุณกำลังต้องการการ รักษารากฟัน เพื่อรักษาฟันธรรมชาติของคุณไว้ ไม่ต้องถอนทิ้ง:

  • ปวดฟันอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง: ไม่ว่าจะปวดค้างนาน หรือปวดเมื่อเคี้ยวอาหาร นี่คือสัญญาณอันดับหนึ่งที่บ่งบอกถึงปัญหาที่ลึกถึงโพรงประสาทฟัน
  • เสียวฟันผิดปกติ: อาการเสียวหรือปวดฟันเมื่อโดนความร้อนหรือความเย็นแล้วยังคงอยู่นาน ไม่หายไปทันที
  • เหงือกบวม มีตุ่มหนอง: มีอาการบวมแดงที่เหงือกบริเวณปลายรากฟัน หรือมีตุ่มหนองคล้ายสิวเกิดขึ้น
  • ฟันเปลี่ยนสี: ฟันซี่ที่มีปัญหาอาจมีสีคล้ำขึ้นเป็นสีเทาหรือดำ
  • ฟันโยก หรือมีหนอง/รสชาติไม่ดีในปาก: ในบางกรณี อาจมีอาการฟันโยก หรือรู้สึกถึงรสชาติแปลกๆ ในปาก


การปล่อยสัญญาณเหล่านี้ทิ้งไว้อาจนำไปสู่ปัญหาที่รุนแรงขึ้น เช่น การติดเชื้อลุกลาม ไปยังกระดูกและส่วนอื่นๆ ของร่างกาย หรือท้ายที่สุดก็ต้อง ถอนฟัน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการบดเคี้ยว ความสวยงาม และค่าใช้จ่ายในการทำฟันปลอมในอนาคต


หากคุณสังเกตเห็นสัญญาณเตือนเหล่านี้ หรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับสุขภาพฟันของคุณ เพ็ชราคลินิก พร้อมให้คำปรึกษาและบริการทันตกรรมครบวงจร ด้วยทีมทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเครื่องมือที่ทันสมัย เราใส่ใจในทุกรายละเอียดเพื่อให้คุณได้รับการวินิจฉัยและการรักษาที่แม่นยำ ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ เพื่อรักษาฟันธรรมชาติของคุณให้คงอยู่และกลับมามีรอยยิ้มที่สดใส มั่นใจอีกครั้ง


อย่ารอให้ปัญหาเล็กน้อยกลายเป็นเรื่องใหญ่ ปรึกษาเพ็ชราคลินิก เพื่อสุขภาพช่องปากที่ดีของคุณวันนี้!


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

 โทร. 094-741-9369


 เวลาเปิด-ปิด วันจันทร์-เสาร์ เวลา 09.00-19.00 น.
พิกัด: 
https://goo.gl/maps/qUCfWj9PNAhcPuyr8

ปรึกษาทันตแพทย์

บทความอื่นๆ

รักษารากฟัน ราคาเท่าไหร่ เจาะลึกค่าใช้จ่ายและขั้นตอนที่ควรรู้
By Petcharadentalclinic August 1, 2025
การรักษารากฟัน เป็นทางเลือกในการช่วยเก็บรักษาฟันซี่นั้นไว้ ไม่ต้องถอนทิ้ง แต่หลายคนมักกังวลเรื่อง ราคาและขั้นตอน บทความนี้จะเจาะลึกทุกประเด็นที่คุณควรรู้
จัดฟันแก้ฟันล่างคร่อมฟันบน แก้ได้ไหม? ต้องผ่าตัดหรือไม่?
By Petchraradentalclinic July 30, 2025
คำถามที่พบบ่อยสำหรับผู้ที่มีภาวะนี้คือ "ฟันล่างคร่อมฟันบน แก้ได้ไหม?" และ "ต้องผ่าตัดหรือไม่?" คำตอบคือ สามารถแก้ไขได้ และในหลายกรณีอาจไม่จำเป็นต้องผ่าตัดเสมอไป
5 ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการจัดฟัน ที่คุณควรรู้
By Petcharadentalclinic July 28, 2025
การจัดฟันเป็นที่นิยมมากขึ้น แต่ก็มีความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการจัดฟันแพร่กระจายอยู่มาก อาจทำให้หลายคนเข้าใจผิดมาดูกันว่า 5 ความเชื่อผิดๆ ที่พบบ่อยมีอะไรบ้าง