ใครทำรากฟันเทียมไม่ได้ ข้อจำกัดและข้อควรพิจารณาก่อนตัดสินใจ
ใครทำรากฟันเทียมไม่ได้? ข้อจำกัดและข้อควรพิจารณาก่อนตัดสินใจ

การใส่ รากฟันเทียม (Dental Implant) เป็นหนึ่งในวิธีการทดแทนฟันที่สูญเสียไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและยาวนานที่สุด เพราะให้ความรู้สึกและรูปลักษณ์ใกล้เคียงฟันธรรมชาติมากที่สุด แต่ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถทำรากฟันเทียมได้ มีปัจจัยหลายอย่างที่ทันตแพทย์ต้องพิจารณาก่อนจะตัดสินใจว่าคนไข้เหมาะกับการรักษาด้วยวิธีนี้หรือไม่
บทความนี้จะสรุปให้เข้าใจง่ายๆ ว่า ใครบ้างที่ไม่สามารถทำรากฟันเทียมได้ และมี ข้อจำกัดและข้อควรพิจารณา อะไรบ้าง เพื่อให้คุณเตรียมพร้อมและปรึกษาทันตแพทย์ได้อย่างถูกต้อง
1. สุขภาพร่างกายและโรคประจำตัวที่อาจเป็นอุปสรรค
สุขภาพโดยรวมของคนไข้เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการพิจารณาการทำรากฟันเทียม เพราะการผ่าตัดเล็กๆ น้อยๆ นี้จำเป็นต้องใช้ร่างกายที่พร้อมสำหรับการฟื้นตัว
- ผู้ป่วยเบาหวานที่ควบคุมระดับน้ำตาลได้ไม่ดี: ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงเกินไปจะส่งผลต่อการสมานแผล ทำให้กระบวนการสมานกระดูกรอบๆ รากฟันเทียม (Osseointegration) ล้มเหลวและเกิดการติดเชื้อได้ง่าย
- ผู้ที่กำลังรับการรักษาด้วยเคมีบำบัดหรือรังสีรักษา: การรักษาเหล่านี้มีผลกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกันและความสามารถในการสมานแผล ทำให้ไม่เหมาะกับการผ่าตัดในช่วงเวลานี้
- ผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือดที่มีอาการรุนแรง: ผู้ที่เคยมีอาการหัวใจวาย เส้นเลือดในสมองแตก หรือต้องใช้ยาละลายลิ่มเลือดเป็นประจำ อาจมีความเสี่ยงสูงระหว่างการผ่าตัด
- ผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรัง: โดยเฉพาะผู้ที่ต้องฟอกไต ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางก่อน เพราะความสามารถในการแข็งตัวของเลือดและภูมิคุ้มกันอาจไม่ปกติ
- ผู้ที่มีความบกพร่องของระบบภูมิคุ้มกัน: เช่น ผู้ป่วย HIV ที่ไม่สามารถควบคุมอาการได้ดี หรือผู้ป่วยที่รับประทานยากดภูมิคุ้มกันอย่างต่อเนื่อง
2. สภาพช่องปากและกระดูกขากรรไกรที่ไม่พร้อม
ความสำเร็จของรากฟันเทียมขึ้นอยู่กับคุณภาพและปริมาณของกระดูกขากรรไกร เพราะเป็นฐานที่มั่นคงสำหรับยึดรากฟันเทียม
- กระดูกขากรรไกรไม่เพียงพอ: หากกระดูกบริเวณที่จะฝังรากฟันเทียมมีปริมาณน้อยเกินไป ทั้งในด้านความหนาและความสูง จะไม่สามารถรองรับรากฟันเทียมได้ ทันตแพทย์อาจแนะนำให้ปลูกกระดูกก่อน แต่ในบางกรณีก็อาจไม่สามารถทำได้
- เหงือกและฟันอยู่ในสภาพที่ไม่ดี: หากมีโรคเหงือกอักเสบหรือโรคปริทันต์ (Periodontitis) ที่ยังไม่ได้รับการรักษา ควรต้องรักษาให้หายดีก่อน เพราะการติดเชื้อในช่องปากจะทำให้รากฟันเทียมล้มเหลวได้
- ผู้ที่มีประวัติการสูบบุหรี่จัด: การสูบบุหรี่ส่งผลเสียต่อการไหลเวียนของเลือดในช่องปาก ทำให้การสมานแผลช้าลงและเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้ออย่างมาก ผู้ที่สูบบุหรี่จัดมีโอกาสที่รากฟันเทียมจะล้มเหลวสูงกว่าคนที่ไม่สูบ
- ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หนัก: แอลกอฮอล์ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือดและกระบวนการสมานแผล ทำให้ไม่เหมาะกับการผ่าตัด
3. พฤติกรรมและอายุที่ไม่เหมาะสม
- ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี: โดยทั่วไปแล้ว ทันตแพทย์จะไม่แนะนำให้ทำรากฟันเทียมในเด็กหรือวัยรุ่น เพราะกระดูกขากรรไกรยังอยู่ในช่วงการเจริญเติบโต การใส่รากฟันเทียมในช่วงนี้อาจส่งผลต่อการพัฒนาของกระดูกในระยะยาว
- ผู้ที่มีภาวะกัดฟัน (Bruxism) รุนแรง: การกัดฟันในขณะหลับจะสร้างแรงกดดันอย่างมหาศาลให้กับรากฟันเทียม ทำให้รากเทียมรับภาระหนักเกินไปและอาจเกิดความเสียหายได้
- ผู้ที่ตั้งครรภ์: โดยทั่วไปแล้ว ทันตแพทย์จะหลีกเลี่ยงการทำหัตถการที่ไม่จำเป็นในช่วงตั้งครรภ์ รวมถึงการใช้ยาชาและยาปฏิชีวนะที่อาจมีผลกระทบต่อทารกในครรภ์
4. การใช้ยาบางชนิด
- ยาในกลุ่ม Bisphosphonates: ยาชนิดนี้มักใช้รักษาโรคกระดูกพรุน หากรับประทานมาเป็นเวลานานอาจส่งผลต่อความสามารถในการซ่อมแซมกระดูกขากรรไกร ทำให้เพิ่มความเสี่ยงของภาวะขากรรไกรตายจากยา (Osteonecrosis) หลังการผ่าตัด
- ยากดภูมิคุ้มกัน: เช่น ยาที่ใช้ในผู้ปลูกถ่ายอวัยวะหรือผู้ป่วยโรคแพ้ภูมิตัวเอง ยาเหล่านี้อาจทำให้ความสามารถในการต่อสู้กับการติดเชื้อลดลง
การตัดสินใจทำ
รากฟันเทียม เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน หากคุณมีโรคประจำตัวหรืออยู่ในกลุ่มเสี่ยงข้างต้น ไม่ได้หมายความว่าคุณหมดสิทธิ์ในการมีฟันสวย แต่จำเป็นต้องปรึกษา
ทันตแพทย์ อย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าการรักษาจะปลอดภัยและประสบความสำเร็จ
เลือกอะไรดีเมื่อทำรากฟันเทียมไม่ได้? ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจทำสะพานฟันหรือฟันปลอม
ในกรณีที่ไม่สามารถทำรากฟันเทียมได้ ยังมีทางเลือกอื่นๆ ในการทดแทนฟันที่หายไป เช่น สะพานฟัน หรือ ฟันปลอมแบบถอดได้ ซึ่งทันตแพทย์จะช่วยประเมินและแนะนำวิธีที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ
สำหรับผู้ที่ไม่สามารถทำรากฟันเทียมได้ ยังมีทางเลือกอื่นๆ ในการทดแทนฟันที่หายไป ซึ่งทันตแพทย์จะช่วยประเมินและแนะนำวิธีที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแต่ละบุคคล โดยทั่วไปทางเลือกหลักๆ มีดังนี้:
1. สะพานฟัน (Dental Bridge)
สะพานฟัน เป็นการใช้ฟันข้างเคียงซี่ที่หายไปเป็นหลักในการยึดติด โดยทันตแพทย์จะกรอแต่งฟันข้างเคียงทั้งสองซี่ เพื่อใช้เป็นหลักในการยึดติด "สะพาน" ที่ประกอบด้วยฟันปลอม 1 ซี่ หรือมากกว่านั้น
- ข้อดี:
- ความสวยงาม: สะพานฟันมีรูปลักษณ์และสีที่ใกล้เคียงฟันธรรมชาติ
- การใช้งาน: สามารถใช้งานบดเคี้ยวได้ดี
- ราคา: โดยทั่วไปแล้วราคาจะถูกกว่าการทำรากฟันเทียม
- ระยะเวลา: ใช้เวลาในการทำสั้นกว่าการทำรากฟันเทียม
- ข้อเสีย:
- ทำลายฟันธรรมชาติ: การกรอแต่งฟันข้างเคียงที่เป็นฟันธรรมชาติ ทำให้สูญเสียเนื้อฟันที่ดีไป
- การดูแล: ต้องใส่ใจในการทำความสะอาดใต้สะพานฟันเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันเศษอาหารติดและฟันผุ
- อายุการใช้งาน: สะพานฟันมีอายุการใช้งานจำกัด และหากฟันหลักข้างเคียงมีปัญหา สะพานฟันก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย
- ไม่ช่วยป้องกันกระดูกขากรรไกรฝ่อ: การสูญเสียฟันไปนานๆ จะทำให้กระดูกขากรรไกรบริเวณนั้นค่อยๆ ยุบตัวลง ซึ่งสะพานฟันไม่สามารถช่วยในเรื่องนี้ได้
2. ฟันปลอมแบบถอดได้ (Removable Denture)
ฟันปลอมแบบถอดได้ เป็นทางเลือกที่ใช้มาอย่างยาวนานและยังคงได้รับความนิยม โดยมีหลายประเภท เช่น ฟันปลอมฐานพลาสติก หรือฟันปลอมฐานโลหะ
- ข้อดี:
- ราคา: เป็นทางเลือกที่มีราคาถูกที่สุด
- ไม่ต้องผ่าตัด: ไม่ต้องผ่านกระบวนการผ่าตัดใดๆ
- การซ่อมแซม: สามารถซ่อมแซมหรือปรับปรุงได้ง่าย
- ข้อเสีย:
- ความไม่มั่นคง: มีโอกาสหลวมหรือขยับได้ง่าย ทำให้การบดเคี้ยวอาจไม่สะดวกเท่าที่ควร
- รูปลักษณ์: อาจไม่สวยงามและดูเป็นธรรมชาติเท่ากับสะพานฟันหรือรากฟันเทียม
- การใช้งาน: อาจรู้สึกไม่สบายในช่องปากในช่วงแรกที่ใส่ และต้องถอดออกมาทำความสะอาดทุกวัน
- ไม่ช่วยป้องกันกระดูกขากรรไกรฝ่อ: เช่นเดียวกับสะพานฟัน ฟันปลอมแบบถอดได้ก็ไม่สามารถช่วยกระตุ้นกระดูกขากรรไกรได้
อ่านบทความเพิ่ม เกี่ยวกับ ฟันปลอมอยู่ได้นานแค่ไหน
3. ฟันปลอมติดแน่นชนิดยึดด้วยรากเทียม (Implant-Supported Denture)
สำหรับผู้ที่มีปัญหาการสูญเสียฟันหลายซี่หรือทั้งปาก และกระดูกขากรรไกรมีความหนาไม่พอสำหรับการทำรากฟันเทียมทุกซี่ อาจพิจารณาทำฟันปลอมแบบถอดได้ที่ยึดติดด้วยรากเทียมเพียงไม่กี่ซี่ เพื่อเพิ่มความมั่นคง
- ข้อดี:
- ความมั่นคง: ให้ความรู้สึกมั่นคงกว่าฟันปลอมแบบถอดได้ทั่วไป
- การบดเคี้ยว: ช่วยให้สามารถบดเคี้ยวอาหารได้ดีขึ้นมาก
- ข้อเสีย:
- ราคาสูง: ราคาสูงกว่าฟันปลอมแบบถอดได้ปกติ แต่ถูกกว่าการใส่รากฟันเทียมหลายซี่
- ยังคงต้องถอดทำความสะอาด: ยังคงต้องถอดฟันปลอมออกมาทำความสะอาดตามปกติ
การเลือกวิธีการทดแทนฟันที่หายไปขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นสุขภาพช่องปากและสุขภาพร่างกายโดยรวม ปริมาณและคุณภาพของกระดูกขากรรไกร งบประมาณ และความต้องการของแต่ละบุคคล การปรึกษาทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จึงเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการหาทางเลือกที่ดีและเหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ
การทำ
รากฟันเทียม (Dental Implant) ถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการทดแทนฟันที่สูญเสียไป เพราะให้ความรู้สึกและรูปลักษณ์ใกล้เคียงฟันธรรมชาติมากที่สุด แต่การรักษาด้วยวิธีนี้ไม่ได้เหมาะกับทุกคน บทความนี้จะสรุปให้เข้าใจง่ายๆ ว่าใครบ้างที่ไม่สามารถทำรากฟันเทียมได้ และมีข้อจำกัดอะไรที่ควรพิจารณา
ปรึกษาทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อทางเลือกที่ปลอดภัยและเหมาะสม
หากคุณมีข้อจำกัดที่กล่าวมาข้างต้น ไม่ได้หมายความว่าคุณจะหมดสิทธิ์ในการมีฟันสวย แต่สิ่งสำคัญคือการปรึกษา ทันตแพทย์เฉพาะทางด้านรากฟันเทียม เพื่อให้ได้รับการประเมินอย่างละเอียดและวางแผนการรักษาที่ถูกต้อง
ที่ เพ็ชราคลินิก เราให้ความสำคัญกับการประเมินสุขภาพช่องปากและสุขภาพร่างกายโดยรวมของคนไข้ก่อนการรักษาทุกครั้ง ด้วยทีมทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเทคโนโลยีที่ทันสมัย เราพร้อมให้คำปรึกษาและนำเสนอทางเลือกในการทดแทนฟันที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ ทั้งการทำรากฟันเทียม การทำสะพานฟัน หรือฟันปลอมแบบถอดได้ เพื่อให้คุณกลับมามีรอยยิ้มที่มั่นใจได้อย่างปลอดภัยและยั่งยืน
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร. 094-741-9369
เวลาเปิด-ปิด วันจันทร์-เสาร์ เวลา 09.00-19.00 น.
พิกัด: https://goo.gl/maps/qUCfWj9PNAhcPuyr8